[เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่] ตามรายงานของ “สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์” นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภายหลังการฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบีย นายกรัฐมนตรีกำชับให้ทุกหน่วยงานพิจารณาแนวทางที่จะเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างกันเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ
อ่านข่าวเพิ่มเติม : พบผู้ติดเชื้อไข้เลือดออกในประเทศ 11 ราย กรมอนามัยเกาสงรณรงค์ให้ประชาชนร่วมป้องกันโรคไข้เลือดออก
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยคณะภาครัฐ และภาคเอกชน ได้เดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ วันที่ 6 – 10 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือทวิภาคี และส่งเสริมการเจรจาการค้าและการลงทุนระหว่างภาคเอกชนของไทยและซาอุดีอาระเบีย โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเดินทางร่วมคณะด้วยครั้งนี้พบว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการส่งออกต้นไม้ไปยังซาอุดีอาระเบียตามข้อริเริ่มซาอุดีอาระเบียสีเขียว และข้อริเริ่มตะวันออกกลางสีเขียว ซึ่งซาอุดีอาระเบีย มีแผนจะนำเข้าต้นไม้ไปปลูกทั่วประเทศจำนวน 1 หมื่นล้านต้น เพื่อฟื้นฟูให้เกิดพื้นที่สีเขียวตามธรรมชาติ รวมถึงจะร่วมมือกับกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ และประเทศหุ้นส่วนอื่น ๆ ในการปลูกต้นไม้ในภูมิภาคเพิ่มอีก 4 หมื่นล้านต้น โดยปัจจุบันประเทศไทยได้ส่งต้นไม้ไปยังซาอุดีอาระเบียแล้วกว่า 2 แสนต้น และสามารถขยายการส่งออกได้อีกมากในอนาคต
อ่านข่าวเพิ่มเติม : เทศกาลว่าวเกาสงยกระดับ สร้างสวนน้ำขนาดใหญ่ให้เด็กและผู้ปกครองมาคลายร้อน
นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมกันพิจารณาเพิ่มโอกาสการค้า การส่งออกให้กับคนไทย พร้อมยินดีที่ความสำเร็จจากการฟื้นฟูความสัมพันธ์เพิ่มโอกาสค้าขาย ส่งออก เพิ่มอาชีพให้คนไทย และเกษตรกรไทย ประกอบกับ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และความยั่งยืนของระบบนิเวศ ด้วยความสอดคล้องกันของนโยบายของซาอุดีอาระเบียในการส่งเสริมการฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวในประเทศ และภูมิภาค จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยควรร่วมสนับสนุน เพื่อร่วมกันดำรงชีวิตในโลกอย่างยั่งยืน สมดุล ส่งต่อโลกที่ดีขึ้นให้กับคนรุ่นต่อไป