img
:::

นักเต้นแซมบาชาวบราซิลเซิ่นเหวยน่า สร้างฝันในไต้หวันจนเป็นจริง

เซิ่นเหวยน่าที่ทุ่มเทและมีความเป็นมืออาชีพ ที่นักเต้นมืออาชีพหลายคนอยากเชิญร่วมงาน
เซิ่นเหวยน่าที่ทุ่มเทและมีความเป็นมืออาชีพ ที่นักเต้นมืออาชีพหลายคนอยากเชิญร่วมงาน
เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่】ผู้แปลและเรียบเรียง/นงค์รักษ์ เหล่ากอคำ (李慧毓)

“เวลาอยาก Kiss หรืออยากกอด ฉันต้องบอกตัวเองเสมอว่าทำไม่ได้!” เซิ่นเหวยน่า (沈維娜) ศิลปินชาวบราซิลที่มาอาศัยอยู่ในไต้หวันมานานกว่า 34 ปี พูดภาษาจีนได้อย่างไม่มีสำเนียงคนต่างชาติเลยแม้แต่น้อย และเขายังพูดภาษาฮกเกี้ยนได้ด้วย แต่เลือดในตัวของเขายังคงเป็นเลือดคนบราซิล  ทุกครั้งเวลาที่เจอคนไต้หวัน เธออดคิดในใจไม่ได้ว่า “ฉันต้องทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับเขามากขนาดไหนกันนะ”

เซิ่นเหวยน่าปัจจุบันอายุ 45 ปี เธอย้ายมาอาศัยอยู่ที่ไต้หวันกับแม่และพ่อเลี้ยงเมื่อเธออายุได้ 11 ขวบ หวนคำนึงถึงชีวิตที่ยากลำบากขณะติดตามพ่อแม่มาอาศัยอยู่ในไต้หวัน ก้นบึ้งของหัวใจยังคงรู้สึกเจ็บระทมเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความยากลำบากในวัยเด็กของเธอ ทำให้เซิ่นเหวยน่าต้องรักษาทุก ๆ โอกาสและทำงานอย่างหนักให้มากกว่าที่เคย เมื่อเธอกลายเป็นศิลปินอย่างเต็มตัว เธอรับทุกงานที่ติดต่อเธอมา เธอคิดว่าตนเองต้องขยันขันแข็งกับการทำงาน จนทำให้เธอเป็นที่ชื่นชอบในรายการวาไรตี้ได้

เซิ่นเหวยน่ามักได้รับเชิญให้ไปออกรายการวาไรตี้ในประเทศ รูปภาพแสดงในรายการ “Kangxi Comes” ซึ่งจัดโดย ไฉ่คางหย่ง (蔡康永) และ เสี่ยว S เมื่อหลายปีก่อน

ซีเหมินติงเป็นจุดเริ่มต้นให้เธอก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง “เมื่อหลายปีก่อน มีหน่วยสอดแนมมาที่ซีเหมินติงคอยมองหาสาวสวยหน้าตาดีไปเป็นดารา พวกเขาบอกว่าสามารถเป็นผู้จัดการให้ได้ แต่ทุกคนก็มักจะหลบหลีก มีเพียงฉันเท่านั้นที่ยังคงติดต่อกับพวกเขา ไม่เพียงแต่ทำการแสดงให้พวกเขาดูเท่านั้น ฉันยังมีการโทรไปถามพวกเขาว่ามีการแสดงอะไรให้ฉันไปแสดงไหมแบบนี้ทุกวัน” เซิ่นเหวยน่าพูดพลางหัวเราะ

ในตอนนั้นเซิ่นเหวยน่ารับงานทุกอย่างที่มีการติดต่อเข้ามา หลายครั้งผู้จัดการของตนเองรับงานไม่ไหว “บางครั้งผู้จัดการฉันก็บอกว่างานนี้มันไม่เหมาะกับเธอหรอก แต่ฉันบอกว่า ไปแล้วก็เหมาะเองแหละ” แม้แต่ KEN ศิลปิน ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า เธอจะทำงานหนักแบบนี้ต่อไปไม่ได้นะ!

เซิ่นเหวยน่าเต้นอย่างสง่างามที่งาน Night da Bahia ปีที่แล้ว

ความรักในการแสดงของเซิ่นเหวยน่าเริ่มต้นตั้งแต่เธอยังเด็ก “ตอนที่ฉันยังเด็กและไม่อยากไปโรงเรียน ทันทีที่แม่เปิดดนตรีแซมบาหรือซังบา (samba) ฉันจะรีบกระโดดลงจากเตียงมาเต้นทันที” เพื่อนร่วมชั้นชอบอ้อนวอนให้เธอเต้นให้ดูบ่อยครั้ง เธอกระโดดโลดเต้นจนเริ่มชอบและอยากเรียนเต้นอย่างจริงจัง ทุกครั้งที่เธอกลับไปที่บราซิล เธอจะไปเรียนเต้นกับครูมืออาชีพเสมอ เธอไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงในไต้หวันเท่านั้น ยังได้เปิดโรงเรียนสอนเต้นเป็นของตนเองแล้วด้วย

ในช่วงปีที่ทำการแสดง สิ่งที่เธอประทับใจมากที่สุดคืองาน วง Bloco Força ฉางเจียงเจี้ยนจาง เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมของชาวบราซิลและไต้หวัน ประจำปี 2021 “ตอนนั้นได้ทำการแสดงร่วมกันกับคุณครูสอนเต้นมืออาชีพและมือกลองชาวบราซิล ฉันประทับใจมากจนร้องไห้ออกมา เพราะว่าฉันไม่ค่อยได้เจอเพื่อนประเทศบ้านเกิดเดียวกันที่นี่ และหากจะได้ร่วมกันทำการแสดงแบบนี้ที่บราซิลก็ใช่ว่าจะมีโอกาส แต่ว่าครั้งนั้นต่างคนต่างถิ่นมาทำการแสดงร่วมกัน มันช่างมีความสุขมากเหลือเกิน!”

เซิ่นเหวยน่า (ขวา 1) ถ่ายรูปหมู่กับครูชาวบราซิล Geraldo Marques (ขวา 2), ครูชาวญี่ปุ่น Kenya Shimano (ซ้าย 2) และ หัวหน้าวง Bloco Força ฉางเจียงเจี้ยนจาง (ซ้าย 1)

หากพูดถึงเรื่องราวชีวิตการเป็นอยู่ของเธอในไต้หวัน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตการแต่งงาน มีลูก สามารถทำในสิ่งที่ตนรักนั่นคือการเต้นแซมบา เรื่องราวต่าง ๆ เหล่านี้ เซิ่นเหวยน่ารู้ว่ามันได้มาไม่ง่ายเลย

ตอนที่เซิ่นเหวยน่าเกิด บิดาผู้ให้กำเนิดของเธอก็ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว มีเพียงเธอและแม่ที่อาศัยอยู่ในสลัม ตอนกลางวันแม่ออกไปทำงาน แม่ของเธอก็เอาเธอวางไว้ในอ่างล้างหน้า “แม่ใส่น้ำลงในอ่างล้างหน้าพอประมาณ ทั้งเรื่องกิน เรื่องดื่ม ตลอดทั้งวันฉันทำทุกอย่างอยู่ในนั้นแหละ บ้านของเราจนถึงขนาดที่ว่าไม่มีกำแพงกั้น บ้านฉันและเพื่อนบ้านมีเพียงลวดหนามกั้น แม่ผิวดำที่อยู่ข้างบ้านเห็นว่าฉันน่าสงสาร เลยมาเอาฉันไปดูแล เดิมทีเขาต้องเลี้ยงลูกน้อยของตนเองแล้ว 9 คน รวมฉันเข้าไปอีกก็กลายเป็น 10 คนพอดี”

เส้นทางชีวิตนั้นยากลำบาก แต่ก็เจอผู้มีพระคุณช่วยเหลือมากมาย ต่อมาเป็นเพราะว่าแม่ได้แต่งงานใหม่กับพ่อชาวไต้หวัน แล้วเปิดร้านอาหารที่บราซิลด้วยกัน เลยทำให้ชีวิตของเธอและแม่มีฐานะดีขึ้นมาหน่อย และไม่นานก็ได้ย้ายมาอาศัยอยู่ที่ไต้หวัน

“ในตอนที่ฉันอายุได้ 18 ปี พ่อกับแม่ตัดสินใจจะย้ายกลับไปอยู่ที่บลาซิล ตอนนั้นฉันโกรธมาก ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่าจะเรื่องอะไรฉันต้องให้ความร่วมมือกับคนที่บ้านเสมอ แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยตามใจฉันบ้างเลย วันที่ต้องบินกลับบราซิล ฉันตัดสินใจหนีออกจากบ้าน” สองปีผ่านไป เซิ่นเหวยน่าได้เดินทางกลับไปขอโทษพ่อเลี้ยงที่บราซิล แต่ความสัมพันธ์ของเธอกับแม่ยังคงมีแผลในใจที่ไม่มีวันรักษาหายอยู่

เซิ่นเหวยน่าถ่ายรูปกับสามีและลูก ๆ ของเธออย่างมีความสุข

“เมื่อก่อนตอนที่ฉันกลับไปที่บราซิล เห็นแม่ทำอาหารให้ฉันไว้เต็มโต๊ะ ฉันกินแล้วก็รู้สึกอร่อย คิดในใจว่าน้องสาวของฉันคงได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากแม่แบบนี้สินะ แต่ทำไมเมื่อก่อนฉันไม่เคยได้แบบนี้บ้างเลย หลายครั้งที่ฉันคุยโทรศัพท์กับแม่ตอนที่อยู่ไต้หวัน ท่าทางของฉันก็ไม่ค่อยดีกับแม่เท่าไหร่ ทุกครั้งหลังจากวางสาย ฉันร้องไห้เสมอ”

เซิ่นเหวยน่าพูดตรงไปตรงมาว่า “การใช้ชีวิตในไต้หวันทำให้ฉันสูญเสียความรักในบราซิลมากมาย” แต่ว่าที่ไต้หวัน “ก็ได้ให้ความรักและการช่วยเหลือฉันมากมายเหมือนกัน”  ตอนนี้เธอและเพื่อนได้ร่วมกันก่อตั้ง วงศิลปะปามี ( 巴米藝術團BMG (@bmg_brazil.culture.mix.girls)) เพื่อส่งเสริมผลักดันวัฒนธรรมบราซิลและการเต้นแซมบา เธอรู้สึกท้าทายเป็นอย่างมาก “ฉันต้องการผสมผสานการเต้นรำของชาวพื้นเมืองไต้หวัน และสร้างความเป็นไปได้มากขึ้น”

ไต้หวันได้เขียนบทแห่งชีวิตของเซิ่นเหวยน่าขึ้นใหม่ นอกจากนี้ เธอยังหวังว่า อาศัยการเต้นแซมบานี้ เธอจะสามารถตอบแทนแผ่นดินนี้ ให้แผ่นดินนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่รักในบราซิล และเป็นอิสรภาพมากขึ้น “ฉันสนุกกับการเต้นกับตัวเอง และฉันรักในวัฒนธรรมของฉัน ฉันหวังว่าฉันจะสามารถนำความหลงใหลนี้ไปสู่ทุกคนได้”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ข่าวเด่นประเด็นร้อน

:::
回到頁首icon
Loading