หร่วน โย่วเสี๋ยง (阮宥翔) ปัจจุบันศึกษาอยู่ที่โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายจู๋ตง มณฑลซินจู๋ ก่อนที่เขาจะอายุเจ็ดขวบ โย่วเสี๋ยงเค้าไม่เคยเห็นมารดาผู้ให้กำเนิดชาวเวียดนาม เพราะบิดาผู้ให้กำเนิดหย่าร้างและแยกทางกับแม่ของเขาเมื่อตอนที่เขายังเด็กมาก จนกระทั่งโย่วเสี๋ยงอายุ 17 ปี และเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายก็ได้บอกกับพ่อผู้ให้กำเนิดว่าเขาต้องการที่จะอยู่กับแม่
หร่วน โย่วเสี๋ยง แต่เดิมใช้นามสกุลเจิงตามบิดา กล่าวว่า หลังจากที่แม่ของเธอแต่งงานกับพ่อผู้ให้กำเนิดก็ถูกคุณปู่คุณย่าที่ร่ำรวยปฏิเสธไม่ยอมรับ จนนำไปสู่การหย่าร้างของพ่อแม่ เนื่องจากแม่ของเขาเป็นผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่จึงได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก ผู้พิพากษาจึงให้สิทธิ์การดูแลแก่บิดาผู้ให้กำเนิดซึ่งมีฐานะทางการเงินค่อนข้างดี
แม้ว่าคุณปู่คุณย่าจะปฎิบัติต่อเขาเป็นอย่างดีและส่งให้เรียนที่โรงเรียนเอกชนผานสื๋อ แต่บิดาผู้ให้กำเนิดเป็นผู้มีความคิดแบบอนุรักษ์นิยม ไม่เคารพความต้องการของเขา หร่วน โย่วเสี๋ยงกล่าวว่า เมื่อตอนที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นผานสื๋อ สามารถเรียนต่อมัธยมปลายได้เลย ตอนแรกเขาจะเลือกเรียนสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่คุณพ่อบอกให้เปลี่ยนไปเรียนสาขาเครื่องจักรกล บางทีพ่อผู้ให้กำเนิดคิดถึงแต่อนาคตของเขา แต่ไม่สนใจความต้องการและเปิดโอกาสเลือกเส้นทางชีวิตที่เหมาะสมกว่านี้ ในอนาคตโย่วเสี๋ยงจึงขอไปอยู่กับแม่ผู้ให้กำเนิด
หลังจากคุณแม่ชาวเวียดนามของหร่วน โย่วเสี๋ยง หย่าร้าง ก็ได้แต่งงานกับสามีชาวไทยและได้เปิดร้านอาหารเวียดนาม – ไทยร่วมกันในนครซินจู๋ ต่อมาคุณแม่ของเขาได้สิทธิในการดูแล หร่วน โย่วเสี๋ยงจึงได้ย้ายมาศึกษาที่โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายจู๋ตง นอกจากนี้ในช่วงวันหยุดหรือหลังเลิกเรียนก็ได้ช่วยงานที่ร้านอาหารของครอบครัวด้วย
หร่วน โย่วเสี๋ยงกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้วางแผนอนาคต ตนเคยชนะการแข่งขันว่ายน้ำของนครซินจู๋ตอนที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามุ่งมั่นเดินไปในทิศทางของกีฬาต่อไปหรือไม่ บางทีหลังจากเข้าเรียนในวิทยาลัยแล้วก็อาจจะคิดอีกที หากไม่สามารถหางานที่เขาสนใจเป็นพิเศษ ก็จะช่วยงานที่ร้านอาหารต่อไป
หร่วน โย่วเสี๋ยงรู้สึกว่าประสบการณ์พิเศษที่เขาได้ผ่านมาตั้งแต่วัยเด็กทำให้เขาค่อยๆ เข้าใจคุณพ่อ และคุณปู่คุณย่า ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างพ่อและแม่ผู้ให้กำเนิด สำหรับเขาความสัมพันธ์ระหว่างญาติพี่น้องจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่บางทีการให้ระยะห่างกันเล็กน้อยและการปรับตัวเข้าหากันทำให้ทุกคนมีพื้นที่และความสุขเป็นของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นเขาอายุเพียงสิบเก้าปีและยังมีชีวิตเป็นของตนเองอีกยาวนาน ดังนั้นตราบใดที่เขายังมีความหวังเขาเชื่อว่าทั้งหมดมีความเป็นไปได้