其實這些問題呢,都不是表面上面的問題。例如說問優點這件事情,其實它的重點不在問優點,它的重點是在問你是不是一個有自信的人,你是不是一個懂得反省自己的人,你是不是一個了解自己的人。這個其實是問優點的意思。那因為缺點其實也是差不多,只是缺點的部分呢,又再加了一個東西,就是說你有沒有對於自己的缺點能夠進行怎麼樣的一些行動的改進方案。這個是在有關優缺點的部分。
คำถามเหล่านี้ จริงๆ แล้วไม่ใช่เพียงแค่คำถามที่อยู่บนพื้นผิวเท่านั้น เช่น เมื่อถูกถามถึงข้อดี จุดสำคัญของคำถามนี้ไม่ได้อยู่ที่ข้อดีของคุณเอง แต่เป็นการสอบถามว่าคุณเป็นคนที่มีความมั่นใจหรือไม่ คุณเข้าใจและสามารถประเมินตนเองได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งนี่คือความหมายของการถามถึงข้อดี ส่วนคำถามเกี่ยวกับข้อเสียก็เช่นกัน แต่มีการเพิ่มเติมว่า คุณสามารถปรับปรุงข้อเสียของตนเองได้อย่างไร ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสีย
那其實在台灣呢,還有幾個最常被問到的幾個問題,例如說你為什麼離職,這個是大概很重要的。那其實在離職的這件事情上面,只要是合理的回答,我想沒有什麼不可以說的。但是呢,有一類的問題,有一類的答案,就不太適合說。例如說你如果離職的原因是跟老闆吵架,那不好意思,這個答案呢就最好不要說哦。
ในไต้หวันยังมีคำถามที่มักจะถูกถาม เช่น "ทำไมถึงลาออกจากงานเก่า" ซึ่งเป็นคำถามที่สำคัญพอสมควร สำหรับการตอบเหตุผลการลาออก หากคำตอบมีเหตุผลเพียงพอ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวล แต่อย่างไรก็ตาม บางคำตอบควรหลีกเลี่ยง เช่น หากการลาออกเกิดจากการมีปัญหากับเจ้านาย คำตอบนี้อาจไม่เหมาะที่จะกล่าวถึง
因為對於企業而言呢,它會很擔心,如果你會跟老闆吵架,那是不是你在下一份工作的時候,也很容易就跟老闆吵架了。還有什麼樣的問題是在面談的時候最容易出現的問題呢?例如說你自己未來有沒有什麼樣的發展跟規劃。那為什麼要問這個問題呢?其實他是在問,他後面的期待是想要了解你是不是未來有一個可能比較大的變化,例如說你想要出國留學,或是想要做什麼樣的事情,那這個可能會影響到你未來能不能在這家公司久任的這樣的一個可能性。
สำหรับบริษัท อาจเป็นกังวลว่าหากคุณเคยมีปัญหากับเจ้านายมาก่อน จะเกิดความขัดแย้งในงานถัดไปหรือไม่ อีกคำถามที่พบบ่อยคือแผนพัฒนาตนเองในอนาคต ทำไมถึงถามคำถามนี้? จริงๆ แล้วพวกเขาต้องการทราบว่าคุณมีแผนในอนาคตที่อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณหรือไม่ เช่น การไปเรียนต่อต่างประเทศ หรือการทำสิ่งใดๆ ที่อาจส่งผลต่อการทำงานในบริษัทในระยะยาว
我想這些都是在回答問題的時候被常常問到的。我再強調一次,其實它都不是你表面上面所聽到的問題,它後面其實是有附帶的一些我們想要更進一步探求的答案。在回答問題的時候,基本上三個層次可以來做個說明。第一個就是我要正面的回答,告訴對方我擁有什麼,所以我可以把這份工作做好。這是第一個層次。
ผมคิดว่านี่เป็นคำถามที่ถูกถามบ่อยๆ ในการตอบคำถาม ขอเน้นอีกครั้งว่า คำถามเหล่านี้ไม่ใช่คำถามที่ถามเฉพาะที่ปรากฏ แต่มีความหมายที่ซ่อนอยู่ซึ่งพวกเขาต้องการสำรวจเพิ่มเติม การตอบคำถามสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ ระดับแรกคือการตอบคำถามเชิงบวก บอกผู้สัมภาษณ์ถึงสิ่งที่คุณมี เพื่อให้คุณสามารถทำงานนี้ได้ดี
那第二個層次是要去避免談到對自己相對比較不利的這些內容,例如我可能在這個工作上面比較欠缺的條件是什麼,這個我們其實是要可以避開的。那第三個,其實重點就是我以前有過什麼樣的精彩的表現、很好的成績,那我為什麼有這個精彩的表現,為什麼有這個很好的成績,把那個原因說出來,其實是會對於你在贏取這份工作上面的說服力會更高。
ระดับที่สองคือ หลีกเลี่ยงการพูดถึงเนื้อหาที่อาจเป็นข้อเสียของตนเอง เช่น คุณสมบัติที่ยังไม่พร้อมเพียงพอสำหรับงานนี้ และระดับที่สามคือเน้นการแสดงผลการทำงานที่ยอดเยี่ยมในอดีต ทำไมคุณถึงมีผลการทำงานที่ดี และพูดถึงสาเหตุที่ทำให้คุณมีผลการทำงานที่ดี สิ่งนี้จะช่วยเสริมแรงจูงใจให้ผู้สัมภาษณ์มั่นใจในความสามารถของคุณมากขึ้น
其實在面對這個面談的時候,練習是非常重要的。那對於那個企業在詢問這個面談的時候,其實重點真的不是你的表達能力的好跟不好這件事情,而是你有沒有事先的準備,能夠對於這家公司、這個職位的工作所期待的,能夠有一些深度的了解。那這個對於我們在尋找工作的時候,其實就會有很大的幫助,也可以看得出來呢,我們對這一份工作的尋找是有非常大的誠意的。那這樣,我想就可以有效的去彌補我們新住民伙伴朋友們在有關語言上面的相對比較弱勢的地方。
ในการเผชิญหน้ากับการสัมภาษณ์นั้น การฝึกฝนเป็นสิ่งสำคัญมาก สิ่งที่บริษัทพิจารณาจริงๆ ไม่ใช่แค่ทักษะการสื่อสารของคุณดีหรือไม่ แต่เป็นการเตรียมตัวล่วงหน้าเพื่อเข้าใจความคาดหวังของตำแหน่งงานนั้นให้ลึกซึ้งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการหางาน และแสดงถึงความตั้งใจจริงในการสมัครงานนี้ สิ่งนี้สามารถช่วยให้เพื่อนผู้ย้ายถิ่นใหม่สามารถเอาชนะอุปสรรคด้านภาษาได้