หลังคาโบสถ์ทรงโดมปลายแหลมสูงชะลูดตามลักษณะสถาปัตยกรรมกอทิกที่ได้รับความนิยมสมัยยุคกลางของยุโรป เป็นจุดเด่นมองเห็นมาแต่ไกล สีเทาของหลังคาสูงตัดกับสีเหลืองไข่ไก่ของพื้นผิวอาคาร ที่มีรายละเอียดของงานช่างตามรูปแบบตะวันตกแทบทุกองค์ประกอบ ไม่เว้นแต่ซุ้มโค้งของประตู กำแพง กุฏิ หอระฆัง กระจกสีสันฉูดฉาดจากอิตาลี หรือศาลาการเปรียญ
แต่ทว่าสิ่งก่อสร้างทั้งหมดนี้ ล้วนเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา และกลายเป็นเอกลักษณ์เด่นของ “วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร” จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พุทธศาสนสถานที่สร้างในสไตล์โบสถ์ตะวันตกทั้งหมดเพียงหนึ่งเดียวของไทย
พระอารามหลวงชั้นเอกแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามพระราชวังบางปะอิน สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2419 และใช้เวลาสร้างประมาณ 2 ปี สำเร็จเป็นเอกลักษณ์ที่มีความแตกต่างไม่ซ้ำวัดแห่งใดในประเทศ อันมาจากพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้แก่ช่างตะวันตก เพื่อทรงใช้เป็นสถานที่สำหรับบำเพ็ญพระราชกุศลเมื่อเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับยังพระราชวังบางปะอิน
เหตุผลอีกประการที่มีจารึกไว้ คือ รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดให้สร้างสรรค์สถาปัตยกรรมตะวันตกดึงดูดให้พสกนิกรได้ชื่นชมในความงดงามของงานก่อสร้างรูปแบบเดียวกับต่างประเทศ “มีความประสงค์จะบูชาพระพุทธศาสนาด้วยของแปลกประหลาด แลเพื่อให้อาณาประชาราษฎร์ทั้งปวงชมเล่นเป็่นของแปลก ยังไม่เคยมีในพระอารามอื่น แลเป็นของมั่นคงถาวรสมควรเป็นพระอารามหลวงในหัวเมือง”
วัดพุทธศาสนาที่ภายนอกเป็นโลกตะวันตกจึงงดงามกลมกลืนไปกับความเชื่อฝั่งตะวันออก ภายในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปพระประธาน “พระพุทธนฤมลธรรโมภาส” ซึ่งออกแบบโดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ โดยใช้การผสมผสานศิลปะแบบประเพณีนิยมกับศิลปะแบบตะวันตกเข้าด้วยกัน รายละเอียดงานผ่านฝีมืออันวิจิตรของกรมช่างสิบหมู่
ด้วยความสร้างสรรค์ไม่เหมือนศาสนสถานแห่งใด ทั้งยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวเกี่ยวข้องกับพระราชประวัติที่น่าสนใจ วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร จึงนับเป็นจุดหมายไม่ควรพลาด สำหรับการมาเยือนอยุธยา
วัดตั้งอยู่ในตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เที่ยวชมได้ทุกวันไม่มีวันหยุด โดยมีบริการนั่งกระเช้าข้ามฟาก (จากฝั่งพระราชวังบางปะอิน) เป็นจุดขายแปลกตา บริจาคค่ากระเช้าโดยสารข้ามฟากได้ตามศรัทธา