นายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงกรณีที่มีนักวิชาการบางกลุ่มออกมาวิจารณ์ ว่า ปี 2561-2562 ประเทศไทยนำเข้าขยะพลาสติกจากต่างประเทศมากถึง 480,000 ตัน สูงเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน ทำให้ปัจจุบันสินค้าพลาสติกมีคุณภาพต่ำราคาถูก และกลายเป็นขยะท่วมประเทศไทยนั้น ข้อเท็จจริง คือ ประเทศไทยอนุญาตให้นำเข้าเฉพาะเศษพลาสติกที่สามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบผลิตเป็นพลาสติกใหม่ไม่อนุญาตให้นำเข้าขยะ ซึ่งผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตโควตาการนำเข้าเศษพลาสติกจะถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดว่านำเศษพลาสติกที่นำเข้ามาเข้าสู่กระบวนการผลิตของโรงงานโดยตรง และมีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ดี หากเจ้าหน้าที่ กรอ.และกรมศุลกากรตรวจพบว่ามีการปนเปื้อนหรือสำแดงเท็จ ก็จะให้ผลักดันกลับประเทศต้นทางทันที รวมถึงจัดการโรงงานที่ไม่ดำเนินการตามที่ได้รับอนุญาต
นายประกอบ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันยังมีปริมาณโควตานำเข้าเศษพลาสติก เพื่อเป็นวัตถุดิบ ซึ่งจะสิ้นสุดเดือนกันยายน 2563 และยังไม่มีการอนุญาตให้นำเข้าเพิ่มอีก ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับระดับนโยบายว่าจะมีการกำหนดปริมาณโควตานำเข้าอีกหรือไม่ ซึ่งทาง กรอ.พร้อมที่จะรับสนองนโยบายจากคณะอนุกรรมการเพื่อบูรณาการการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกที่นำเข้าจากต่างประเทศ และตั้งแต่ปี 2561 ทางคณะอนุกรรมการดังกล่าวไม่ได้อนุญาตให้มีโควตาการนำเข้าใหม่
สำหรับมาตรการดูแลการนำเข้าเศษพลาสติกนั้น กรอ.ได้ออก 7 มาตรการตรวจปล่อยสินค้าเศษพลาสติกที่ได้รับโควตาการนำเข้าอย่างเข้มงวดไม่ให้ลักลอบนำเข้าขยะจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศ พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจตรวจปล่อยเศษพลาสติกที่นำเข้าตั้งแต่ด่านศุลกากรไปถึงปลายทางหรือโรงงานทุกตู้คอนเทนเนอร์ที่ได้รับโควตานำเข้า เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำเข้าเศษพลาสติกไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ตามที่ผู้ประกอบการแจ้ง หรือป้องกันการลักลอบไปใช้ผิดเจตนารมณ์ของ กรอ.ที่ต้องการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมส่งเสริมขีดความสามารถเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจของประเทศ และป้องกันไม่ให้เศษพลาสติกนำเข้าไปสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมในประเทศ
ด้าน 7 มาตรการ ประกอบด้วย 1.เศษพลาสติกที่มีโครงสร้างทางเคมีแตกต่างกัน (ชนิดต่างกัน) จะต้องแยกไม่ปะปนกัน 2.เศษพลาสติกต้องไม่สกปรก หรือปนเปื้อนสารอินทรีย์ จนทำให้มีสีหรือกลิ่นอันพึงรังเกียจ หรือมีกลิ่นเน่า 3.เศษพลาสติกต้องไม่มีเศษวัสดุอื่นเจือปนจนทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้โดยตรง เช่น มีเศษอิฐ หิน ดิน ทราย เจือปน จนทำให้ต้องนำไปผ่านกระบวนการคัดแยก หรือทำความสะอาดก่อนนำไปใช้ประโยชน์ 4.ต้องสามารถระบุชนิดและประเภทของพลาสติกได้ชัดเจน 5.ต้องระบุรายละเอียดของพลาสติกให้ชัดเจนว่าเป็นพลาสติกชนิดใด และต้องระบุประเภทของพลาสติกตรงตามที่ปรากฏในเอกสารใบตราส่ง และใบขนสินค้าด้วยด้วย ส่วนมาตรการที่ 6 ต้องแจ้งรายละเอียด และปริมาณของเศษพลาสติกก่อนการนำเข้า หรือก่อนนำสินค้าออกจากด่านศุลกากรทุกครั้ง โดยต้องมีข้อมูลต่าง ๆ เช่น สำเนาใบตราส่ง ใบตราส่งเลขที่ สำเนาใบขนสินค้าขาเข้าฯ (หากมี) ชนิดของพลาสติก ปริมาณการนำเข้า (กก.) จำนวนตู้สินค้า หมายเลขตู้สินค้า ลักษณะบรรจุภัณฑ์ ปริมาณคงเหลือก่อนหน้า ปริมาณคงเหลือ สำเนาใบอนุญาต พร้อมเอกสารแนบ และใบอนุญาตเพิ่มเติม และ 7. เอกสารต้องสอดคล้องกับรายละเอียดที่ปรากฏในใบขนสินค้าและใบตราส่ง
ข้อมูลข่าวจาก สำนักข่าวไทย