[เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่] นายประกอบ เผ่าพงศ์ อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวว่า การเลี้ยงไหมอุตสาหกรรมในเขตภาคเหนือ เป็นการเลี้ยงไหมเชิงพาณิชย์ที่เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมประกอบเป็นอาชีพหลัก มีผู้ประกอบการเข้ามารับซื้อผลผลิตรังไหม ซึ่งกรมหม่อนไหมได้ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกหม่อนไหมตามนโยบายตลาดนำการผลิต ในระบบเกษตรพันธสัญญา มีการทำสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างกัน ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการมีความต้องการรับซื้อผลผลิตรังไหมจากเกษตรกร 5,000 ตันต่อปี แต่เกษตรกรผลิตรังไหมได้เพียง 2,000 ตันต่อปี ยังเป็นการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ซึ่งสาเหตุหนึ่งพบว่าการที่เกษตรกรผลิตรังไหมได้จำนวนน้อย เนื่องจากขาดพันธุ์ไหมที่ให้ผลผลิตดีและมีความเหมาะสมต่อสภาพพื้นที่และการเลี้ยงในแต่ละฤดูกาล ส่งผลทำให้เกษตรกรมีความเสี่ยงสูงในการเลี้ยงไหมคือ มีประสิทธิภาพและเปอร์เซ็นต์การเลี้ยงรอดต่ำ จึงทำให้ในแต่ละปีผลผลิตรังไหมไม่เพียงพอต่อการป้อนส่งให้ผู้ประกอบการเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในเชิงธุรกิจ
อ่านข่าวอื่นเพิ่มเติม : TPASS มาแล้ว บัตรโดยสารรายเดือนเวอร์ชั่นใหม่มีโปรหรือซื้อได้ที่ไหนบ้างดูที่เดียวจบ
กรมหม่อนไหม ได้วิจัยปรับปรุงไหมพันธุ์ไหมขึ้น เพื่อสร้างไหมที่มีความแข็งแรงและการเจริญเติบโตที่ดี สามารถเพิ่มผลผลิตทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพเส้นไหม คือ ไหมพันธุ์ NAN X J108 (ลูกผสมระหว่างพันธุ์เอ็นเอเอ็นและพันธุ์เจ108) จากไหมรังสีเหลืองสายพันธุ์เอ็นเอเอ็น (NAN) ผสมกับไหมรังสีขาวพันธุ์ J108 ซึ่งเป็นพันธุ์ต่างประเทศ โดยจากการศึกษาวิจัยพบว่าไหมพันธุ์ใหม่ดังกล่าว สามารถเลี้ยงได้ดีให้ผลผลิตรังไหมสูงในเขตภาคเหนือ โดยเฉพาะในฤดูหนาวมากที่สุด มีลักษณะทางเกษตรที่ดี รังไหมสีเหลืองขนาดใหญ่ น้ำหนักรังสดสูงและน้ำหนักเปลือกรังดี มีเปอร์เซ็นต์เปลือกรังสูงขึ้น ประมาณ 20-21 เปอร์เซ็นต์ มีคุณลักษณะการสาวที่ดี สาวออกง่าย ให้ความยาวเส้นใยต่อรังมากและสามารถเพิ่มรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตรังไหมได้สูง และเกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิตรังไหมได้มากขึ้น สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้อย่างมั่นคงต่อไป
อ่านข่าวอื่นเพิ่มเติม : นำเข้าเนื้อสัตว์และพืชอย่างผิดกฎหมายมีโทษปรับ 200,000 ร่วมป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรด้วยกัน