เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา การพิจารณาพระราชบัญญัติวาระที่ 3 เรื่อง"การแก้ไขกฎหมายมหาวิทยาลัยมาตรา 25" สภานิติบัญญัติมีมติเห็นชอบแล้ว โดยคู่สมรสที่เป็นผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่แปลงสัญชาติแล้วเมื่อสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยก็จะจัดให้เป็นนักเรียนสถานะพิเศษ ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกในการศึกษาต่ออย่างเป็นมิตรแก่ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ และหวังว่าเส้นทางเพื่อการศึกษาในไต้หวันสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่จะขยายกว้างขึ้น และเป็นการเพิ่มบุคลากรที่มีความสามารถให้กับไต้หวันด้วย
ในปัจจุบัน ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่อาศัยอยู่ในไต้หวันโดยมีสถานะเป็นคู่สมรส หากต้องการศึกษาต่อก็สามารถใช้ช่องทางการศึกษาต่อเช่นเดียวกับนักศึกษาต่างชาติหรือนักศึกษาชาวจีนโพ้นทะเล โดยสามารถใช้คุณวุฒิการศึกษาจากประเทศของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในการเรียนต่อได้ แต่ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่แปลงสัญชาติแล้ว หากจะเรียนต่อก็ต้องใช้ช่องทางเข้าศึกษาต่อแบบนักศึกษาในประเทศเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก
หลี่ ลี่เฟิน (李麗芬) สมาชิกสภานิติบัญญัติผู้เสนอการแก้ไขกฎหมายกล่าวว่า เราได้คำนึงถึงความแตกต่างของการใช้ภาษา ดังนั้นเราต้องการที่จะกำจัดข้อเสียของการที่ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ได้แปลงสัญชาติเป็นคนไต้หวัน โดยแก้ไขข้อเสียเปรียบในด้านการศึกษาต่อ และสร้างช่องทางเข้าศึกษาต่อที่เป็นมิตรและหลากหลายแก่ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ ทำให้ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ต้องการศึกษาต่อ สามารถทำตามความต้องการของตนเองได้ หลังจากการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว
สำหรับการพิจารณาพระราชบัญญัติวาระที่ 3 เรื่อง"การแก้ไขกฎหมายมหาวิทยาลัยมาตรา 25" หลังจากนี้ ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่แปลงสัญชาติแล้วเมื่อสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยก็จะจัดให้เป็นนักเรียนสถานะพิเศษ ซึ่งกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องสำหรับการศึกษาต่อของนักศึกษามองโกเลียและทิเบต นักศึกษาชาวจีนโพ้นทะเล นักศึกษาจีนแผ่นดินใหญ่ และนักศึกษาต่างชาติที่เข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยจะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่แปลงสัญชาติแล้วเช่นกัน
