[เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่] การเลือกตั้งแบบเก้ารวมหนึ่งจะมีขึ้นในปลายปีนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งเป็นครั้งแรกเข้าไปพัวพันกับกับดักการซื้อสิทธิ์ขายเสียงอันเนื่องมาจากไม่เข้าใจกฎหมายของไต้หวัน สถานีบริการเมืองฮัวเหลียน กองพลกิจการพื้นที่เขตภาคเหนือ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และทีมปฏิบัติการพิเศษ ได้อาศัยชั้นเรียนการศึกษาครอบครัวสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ ในการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ โดยได้เรียนเชิญสำนักงานอัยการเขตฮัวเหลียนร่วมดำเนินการต่อต้านการซื้อสิทธิ์ขายเสียง เรียกร้องให้ครอบครัวผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ประชาธิปไตยและร่วมมือกันต่อต้านการซื้อสิทธิ์ขายเสียงร่วมกัน หากเจอเบาะแสทุจริตการเลือกตั้ง ให้กล้าที่จะเข้าแจ้งความ โดยผู้ที่เข้าแจ้งความมีเงินรางวัลสูงถึง 10 ล้านเหรียญไต้หวัน
อ่านข่าวเพิ่มเติม : สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอวิ๋นหลิน ยึดไส้กรอกที่มีเชื้ออหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ระบุผู้รับเป็นคนไทย
สถานีบริการเมืองฮัวเหลียนได้เชิญคุณครูซือ จากสตูดิโอ guogua_handmade มาแบ่งปันเรื่อง ‘ขยะไม่ใช่ขยะ’ และสนับสนุนให้ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ใช้ประโยชน์ขยะ ด้วยการนำกลับมารีไซเคิล
ต่อมา เจี่ยงเจี้ยนเป่า (蔣健保) เจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการเขตฮัวเหลียนกล่าวกับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในชั้นเรียนว่า การซื้อสิทธิ์ขายเสียงถือเป็นอาชญากรรม ตัวอย่างเช่น ผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือผู้ช่วยการเลือกตั้งมีการต่อรองกับผู้ที่มีสิทธิ์ในการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการให้เงินหรือสิ่งของ หรือการเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสิทธิ์ขายเสียงก่อนหรือหลังการเลือกตั้งต่างเข้าข่ายการทุจริตการเลือกตั้ง
อ่านข่าวเพิ่มเติม : หลักสูตรแปลภาษาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ของรัฐบาลเมืองเถาหยวน วันนี้เป็นวันสุดท้ายในการสมัคร
การทุจริตการเลือกตั้งหลัก ๆ ได้แก่ การซื้อสิทธิ์ การขายเสียง หรือการต่อรองผลประโยชน์ ฯลฯ เตือนผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่อย่าตกหลุมพรางการทุจริตการเลือกตั้ง ผู้ที่พบเบาะแสการทุจริตการเลือกตั้งมีเงินรางวัลสูงสุดถึง 10 ล้านเหรียญไต้หวัน
หูเจาเหริน (胡朝仁) ผู้อำนวยการสถานีบริการฮัวเหลียน กล่าวว่า การที่ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ได้ถือครองบัตรประจำตัวประชาชนและมีสิทธิ์ในการเลือกตั้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หวังว่าผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่จะรักษาสิทธิ์ พร้อมรักษาความเป็นประชาธิปไตย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นการเมืองแบบประชาธิปไตยของไต้หวัน ด้วยการใช้สิทธิ์ไปเลือกตั้ง