[เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่]
ผู้ที่มีปริมาณไขมันในร่างกายมากเกินไปต้องระวัง “โรคอ้วน” อันตรายกว่าที่คิด ! แพทย์ชี้ผู้ที่เป็นโรคอ้วนมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพ และเป็นสาเหตุของการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ อาทิ โรคเบาหวาน หัวใจ ความดัน และมะเร็ง ฯลฯ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็น “โรคอ้วน” นอกจากการตรวจวัดรอบเอวแล้ว คุณยังสามารถสังเกตความผิดปกติได้จากการวัดค่าดัชนีมวลกาย หรือค่า BMI นั้นเอง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอ้วน มีทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ซึ่งโดยส่วนใหญ่ ผู้ที่เป็นโรคอ้วน มักมีสาเหตุมาจากปัจจัยภายนอก เนื่องจากการรับประทานเกินความต้องการของร่างกาย พฤติกรรมตามใจปาก ทานอาหารเค็มและหวานในปริมาณมาก ๆ และการขาดการออกกำลังกาย นำมาซึ่งปัญหาไขมันสะสมในร่างกาย สำหรับปัจจัยภายใน มีด้วยกันหลายประการ อาทิ ความผิดปกติของต่อมไรท่อ ภาวะเครียด กรรมพันธุ์ นอกจากนี้อาจเป็นผลกระทบจากการรับประทานยาบางชนิด รวมไปถึงปัจจัยด้านอายุ เนื่องจากผู้ที่มีอายุมาก จะมีการใช้พลังงานลดน้อยลง
อ่านข่าวเพิ่มเติม:วารสารนานาชาติชี้ เดินวันละ 4,000 ก้าว ลดความเสี่ยงการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ !
ปัจจุบันมีวิธีการลดไขมันมากมาย นอกจากการเพิ่มการออกกำลังกายให้มากขึ้นและสม่ำเสมอ เพื่อลดการสะสมของไขมันส่วนเกินในร่างกายแล้ว อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับการยอมรับกันอย่างแพร่หลาย ก็คือการรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่รวมต่อวันให้น้อยกว่าปริมาณพลังงานที่ใช้ต่อวัน พยายามเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และหลากหลายชนิด หลีกเลี่ยงอาหารที่ผ่านการปรุงโดยการใช้น้ำมันและเกลือในปริมาณมากๆ นอกจากนี้การเคี้ยวอาหารให้ช้าลง และดื่มน้ำสะอาดให้มากขึ้น ต่างเป็นวิธีที่หลายๆ คนมองข้าม
บทความ โรคอ้วน ภาวะอันตราย เสี่ยงหลายโรค! ของโรงพยาบาลศิครินทร์ เผยว่า ผู้ที่เป็น โรคอ้วน จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการป่วยที่ทำให้เกิดโรคเรื้อรังและอาการต่างๆ ตามมา ทั้ง โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง เบาหวาน ความดัน หัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต มะเร็งต่างๆ ตลอดจนปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ภาวะมีบุตรยาก ประจำเดือนมาไม่ปกติ ปวดข้อ ข้อเสื่อมก่อนวัย รวมถึงโรคผิวหนัง เช่น สิว ขนดก ผิวหนังติดเชื้อ มีกลิ่นตัว เป็นต้น เห็นหรือไม่ว่า “โรคอ้วน” อันตรายกว่าที่คิด ! เราจึงควรเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ห่างใกล้จากโรคร้ายต่างๆ
อ่านข่าวเพิ่มเติม: การบริโภควิตามินซีมากเกินไป อาจส่งผลให้การตรวจพบโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ล่าช้า