เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)เป็นประธานเปิดงาน “Startup Thailand 2019” โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-27 ก.ค. 2562 ณ Bangkok Innovation Corridorซึ่งงานเทคสตาร์ทอัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจัดขึ้นภายใต้แนวคิด STARTUP NATION
ดร.สุวิทย์ กล่าวว่าสตาร์ทอัพเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลเพราะเป็นตัวขับเคลื่อนการปรับเปลี่ยนไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วหรือประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ทั้งนี้สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(องค์การมหาชน)หรือ เอ็นไอเอ กระทรวงอว. ได้ส่งเสริมด้านสตาร์ทอัพมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ซึ่งจากการสร้างความตระหนักรู้ในปีแรกๆ จนปัจจุบันมีสตาร์ทอัพที่แอคทีฟกว่า 2,200 ราย มีเม็ดเงินลงทุนกว่า 5 หมื่นล้านบาท จนมาถึงการจัดงานสตาร์ทอัพไทยแลนด์ 2019 ในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นการประกาศศักดาอีกครั้งในการก้าวไปสู่การสตาร์ทอัพเนชั่นหรือชาติสตาร์ทอัพ ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์ของประเทศ
ดร.สุวิทย์ กล่าวอีกว่า การที่เอาอุดมศึกษาเข้ามาร่วมในกระทรวงที่เกิดขึ้นใหม่ เพราะเชื่อในพลังของคนรุ่นใหม่ ซึ่งกระทรวงกำลังมีนโยบายจัดตั้ง “กองทุนยุวสตาร์ทอัพ”สำหรับปั้นสตาร์ทอัพตั้งแต่ในรั้วมหาวิทยาลัย ซึ่งหากสามารถประกอบอาชีพได้ตั้งแต่ยังไม่จบปี4 ก็อาจจะดีกว่าปริญญาที่ได้ไป
นอกจากนี้จะมีการออกแคมเปญภายใต้กระทรวงใหม่ คือแทนที่จะพูดคำว่า เมดอินไทยแลนด์ จะเปลี่ยนมาใช้คำว่า “ อินโนเวเต็ด อินไทยแลนด์”(Innovated in Thailand ) หรือนวัตกรรมที่สร้างโดยคนไทยเพื่อคนไทยและคนทั่วโลก แทน และกระทรวงยังจะมีโครงการ1,000 นวัตกรรมชุมชน 1,000 นวัตกรรมธุรกิจและ 1,000 นวัตกรรมเพื่อสังคม อีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะได้เห็นในรัฐบาลชุดนี้
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ19.00 น. ดร.สุวิทย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ค แสดงความยินดีที่ในวันนี้ องค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก (World Intellectual Property Organization) ได้ประกาศว่าประเทศไทยได้รับการจัดอันดับความสามารถด้านนวัตกรรมอยู่ในอันดับที่ 43 ประจำปี 2019 ซึ่งขยับขึ้น 1 อันดับ จากปี 2018 โดยในปีนี้ประเทศไทยมีการปรับตัวดีขึ้นทั้งทางด้านปัจจัยเข้าทางนวัตกรรม (Innovation input sub-index) จากเดิมอันดับที่ 52 เลื่อนขึ้นเป็นอันดับที่ 47 และปัจจัยย่อยผลผลิตทางนวัตกรรม (Innovation output sub-index) ที่ปรับขึ้นจากอันดับที่ 45 เลื่อนขึ้นเป็นอันดับที่ 43
ผลการจัดอันดับในครั้งนี้ นอกจากจะสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของประเทศในการส่งเสริมนวัตกรรมแล้ว ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน กลุ่ม startups กลุ่ม makers และผู้ประกอบการต่างๆ ในการพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรมต่างๆให้เกิดขึ้นในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี และนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของแคมเปญ Innovated in Thailand ที่จะมุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรมเพื่อสร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้ประเทศก้าวไปสู่ Innovation Nation ได้อย่างแท้จริง
ด้านรศ. นพ.สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า 3 ปีของการสร้างนักเศรษฐกิจใหม่ ก่อให้เกิดกระแสตื่นตัวเรื่องสตาร์ทอัพในประเทศเกิดภาพ THAILAND STARTUP UNIVERSE ที่เป็นความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา ภาคสังคม ภาคประชาชน ที่ขยายสู่วงกว้างและเติบโตอย่างต่อเนื่อง เราได้พัฒนาระบบนิเวศสตาร์ทอัพ ตั้งแต่ระดับสถาบันการศึกษาทั้งในมหาวิทยาลัยและอาชีวะ โดยมีมหาวิทยาลัย 35 แห่ง และอาชีวะ 1,000 แห่งทั่วประเทศไทย ร่วมผลักดันการพัฒนามหาวิทยาลัยแห่งการประกอบการให้เกิดการเติบโตของวิสาหกิจเริ่มต้นเป็นจำนวนกว่า 1,700 ราย ใน 9 รายสาขาอุตสาหกรรม บริษัทขนาดใหญ่เปิดกว้างและร่วมลงทุนกับวิสาหกิจเริ่มต้น โดยมีการจัดตั้งกองทุนร่วมเสี่ยงมูลค่ากว่า 35,000 ล้านบาท มีแหล่งบ่มเพาะและเร่งสร้างเกิดขึ้นทั้งจากภาครัฐและเอกชน มีการสร้างเครือข่ายพันธมิตรระดับนานาชาติกว่า 25 ประเทศ กระตุ้นความสนใจและดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ เพิ่มเม็ดเงินลงทุนภายในประเทศ และส่งผลให้ กรุงเทพมหานครกลายเป็นเมืองที่ดีที่สุดสำหรับสตาร์ทอัพในเอเชีย
สำหรับปีนี้ STARTUP THAILAND 2019 ได้รวมเหล่าหัวกะทิสตาร์ทอัพทั้งไทยและจากทั่วทุกมุมโลก และผู้เล่นในวงการสตาร์ทอัพ จากของภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาคม เครือข่ายความร่วมมือจาก 25 ประเทศ ผ่านผลงานมากกว่า 500 สตาร์ทอัพ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และเปิดมุมมองความคิดใหม่ๆ อีกทั้ง ยังค้นหาสุดยอดไอเดียธุรกิจที่จะเติบโตเป็นยูนิคอร์น นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงงาน เวิร์คช็อป รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย โดยกระจายไปยังสถานที่ต่างๆ ตามเส้นทางรถไฟฟ้า BTS และ MRT ทั้ง 9 แห่ง ได้แก่ NIA, TCDC, KX, SID, Dtac Accelerate, True Digital Park, Naplab, Glowfish, AIS D.C. ซึ่งทั้งหมดเป็นพื้นที่สำหรับสตาร์ทอัพโดยเฉพาะ เพื่อสะท้อนว่า “กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่ดีที่สุดในเอเชียสำหรับสตาร์ทอัพ”ที่พร้อมจะดึงดูดและส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพทั้งในและต่างประเทศ
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวว่า ปีนี้ NIA ได้จับมืออาเซียนและประเทศพันธมิตร รวม 12 ประเทศ จัดสุดยอดประชุมการพัฒนาตลาดอาเซียนเพื่อสตาร์ทอัพ: Southeast Asia Startup Assembly (SEASA) ขึ้นในวันนี้ด้วย ที่โรงแรม อวานี สุขุมวิท กรุงเทพฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายขอบเขตความร่วมมือในการพัฒนาตลาดอาเซียนเพื่อสตาร์ทอัพขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่ง หวังให้เกิดการลงทุน พัฒนาศักยภาพ สร้างเครือข่ายทางธุรกิจ และนวัตกรรมระหว่างประเทศในกลุ่มภูมิภาคอาเซียน รวมถึงมีการลงนามปฏิญญาร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนว่าด้วยเรื่องของการสนับสนุนและผลักดันกลุ่มสตาร์ทอัพในไทยให้มีโอกาสก้าวไกลสู่ระดับอาเซียน ขณะเดียวกัน ก็สร้างเครือข่ายระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมกันเพื่อให้เกิดความแข็งแกร่งเป็นปึกแผ่น พร้อมเผชิญความท้าทายระบบนิเวศของกลุ่มสตาร์ทอัพไปด้วยกันทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ข้อมูลข่าวจาก เดลินิวส์