เพื่อสร้างบรรยากาศการจ้างงานที่เป็นมิตรกับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ และสตรีที่กลับมาทำงานอีกครั้ง รวมทั้งส่งเสริมการจ้างงานสตรี เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมา สำนักงานบริการด้านการจัดหางาน รัฐบาลเถาหยวนได้จัดการประชุมสัมมนาด้านการจ้างงานสตรีและผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ และนายจ้าง (女力崛起-就業新力量聯繫會報暨雇主座談會) โดยมีนายจ้างและตัวแทนจากกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่กว่า 50 คนเข้าร่วมการประชุม
จากสถิติของ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงมหาดไทยระบุว่า นับจนถึงปลายเดือนส.ค.ปีนี้ (2019) ไต้หวันมีจำนวนผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่กว่า 551,784 คน โดยเป็นผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวจีนมากที่สุดราว 62.73% รองลงมาเป็นผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวเวียดนามและอินโดนิเซียราว 19.52%และ 5.49% และนครเถาหยวนมีผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่อาศัยอยู่ประมาณ 6 หมื่นกว่าคน ซึ่งมีจำนวนผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่อาศัยอยู่มากที่สุดใน 6 เมืองหลักของไต้หวัน ตามสถิติของกระทรวงแรงงานไต้หวันเผยว่า อัตราการมีส่วนร่วมของแรงงานหญิงเพิ่มขึ้นจาก 49.97% ในปี 2011 เป็น 51.36% ในปลายเดือนส.ค.ปีนี้ (2019) อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับอัตราการมีส่วนร่วมของแรงงานชายซึ่งอยู่ที่ 67.32% ในช่วงเวลาเดียว จึงเห็นได้ว่าอัตราการการมีส่วนร่วมของแรงงานหญิงยังต่ำกว่าผู้ชายมาก
สำนักงานบริการด้านการจัดหางานกล่าวว่า การใช้แรงงานสตรีให้เป็นประโยชน์จะเป็นกุญแจสำคัญของแรงงานในอนาคต เพื่อช่วยเหลือผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่และสตรีที่กลับมาทำงานอีกครั้งให้สามารถหางานทำได้สำเร็จ จึงออกมาตรต่างๆมากมาย เช่น มาตรการช่วยเหลือเงินเพื่อกระตุ้นการจ้างงานของนายจ้าง โครงการเรียนรู้ในสถานที่ทำงานและการปรับตัวเพื่อการทำงานอีกครั้ง และเงินเบี้ยเลี้ยงชั่วคราว เป็นต้น โดยมุ่งมั่นที่จะสร้างสภาพแวดล้อมการจ้างงานที่เป็นมิตรสำหรับสตรี นอกจากนี้ยังมีการให้คำปรึกษาและให้เงินอุดหนุนแก่นายจ้างในการสร้างห้องให้นมบุตร และสิ่งอำนวยความสะดวกหรือมาตรการต่าง ๆ สำหรับการดูแลเด็ก เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการทำให้สถานที่ทำงานเป็นมิตรต่อสตรี นอกจากนี้ ในปีนี้ (2019) จะมีผู้ประกอบการที่เป็นมิตรต่อผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ได้รับการคัดเลือกและยกย่องต่อสาธารณชน เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการดำเนินการส่งเสริมสถานที่ทำงานที่เป็นมิตรต่อผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ ในขณะเดียวกันยังเป็นการส่งเสริมการจ้างงานที่มั่นคงให้ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ด้วย
การประชุมสัมนาในครั้งนี้ได้เชิญหยาง หุ้ยชิง (楊慧青) ประธานสมาคมผู้ดูแลสตรีผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ยังได้กล่าวถึงข้อได้เปรียบในการจ้างงานผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ และได้แชร์ประสบการณ์ของนายจ้างที่ว่าจ้างผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ เพื่อสร้างแรงจูงใจของนายจ้าง และเพิ่มความเต็มใจให้กับผู้ประกอบการในการจ้างงานผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ นอกจากนี้ หยาง ป๋ายชวน (楊百川) หัวหน้าฝ่ายจริยธรรมบริษัทในเครือซิ้นอี้ (信義企業集團) ได้รับเชิญให้แบ่งปันประสบการณ์ของบริษัท และมาตรการเฉพาะเพื่อส่งเสริมสถานที่ทำงานที่เป็นมิตรต่อสตรี และช่วยบริษัทในการรักษาบุคลากรที่มีความสามารถด้วย การประชุมครั้งนี้เป็นการรวมตัวกันของภาคการผลิต รัฐบาล และภาคประชาสังคมในการพูดคุยแลกเปลี่ยน เพื่อร่วมกันช่วยเหลือผู้ประกอบการในการแก้ปัญหาความต้องการกำลังคน และส่งเสริมการจ้างงานสตรี
_主圖.jpg)
