เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ที่ผ่านมา ศูนย์ป้องกันความรุนแรงในครอบครัวและการถูกล่วงละเมิดทางเพศของสำนักกิจการสังคมนครเกาสง (家庭暴力及性侵害防治中心) ได้จัดกิจกรรมทริปท่องเที่ยว 1 วัน แบบไปเช้าเย็นกลับสำหรับครอบครัวผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ โดยได้เชิญครอบครัวผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่และครอบครัวชาวไต้หวันกว่า 80 คน เดินทางไปที่ฟาร์มเกษตรเพื่อการศึกษาเชิงนิเวศวิทยา (生態教育農場) ในเขตอาเหลี๋ยน นครเกาสง เพื่อสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวนา และการประดิษฐ์ของเล่นโบราณ สร้างความประทับใจให้ครอบครัวผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่เป็นอย่างมาก
ครอบครัวที่มีการใช้ความรุนแรงที่ทางศูนย์ป้องกันความรุนแรงในครอบครัวและการถูกล่วงละเมิดทางเพศได้ดูแลมีครอบครัวผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ด้วย จากสถิติในปี 2018 พบว่า ครอบครัวของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่มีการใช้ความรุนแรงที่ทางศูนย์ดูแลมีจำนวน 1.47% ของทั้งหมด ซึ่งแม้ว่ามีจำนวนไม่มากนัก แต่ครอบครัวผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ไม่ได้อาศัยอยู่ที่ไต้หวัน จึงขาดคนในครอบครัวให้การสนับสนุนและช่วยเหลือ และเนื่องจากมีภาษา วัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณีที่แตกต่างกัน หากเทียบกับครอบครัวชาวไต้หวัน จึงมีความท้าทายและแรงกดดันในชีวิตมากเป็นพิเศษ จึงจำเป็นที่ประชาชนในสังคมจะต้องดูแลและใส่ใจผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่
เป็นเวลาหลายปีที่ทางศูนย์ได้จัดกิจกรรมทริปท่องเที่ยว 1 วัน สำหรับครอบครัวผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ โดยในปีนี้ได้พาครอบครัวผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่มาสัมผัสกับชนบท และเชิญนักจิตวิทยามาเป็นวิทยากรในการวาดภาพ โดยใช้วิธีการปั้มใบไม้ เพื่อเพิ่มปฎิสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว ให้ครอบครัวที่มีสมาชิกต่างเชื้อชาติและวัฒนธรรมเรียนรู้ที่จะยอมรับยอมรับและเข้าใจซึ่งกันและกัน
นางหลี่ หุ้ยหลิ๋ง (李慧玲) ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันความรุนแรงในครอบครัวและการถูกล่วงละเมิดทางเพศนครเกาสงกล่าวว่า ความสัมพันธ์ของพ่อและแม่ จะส่งผลกระทบต่อลูก ซึ่งเป็นพยานรู้เห็นการใช้ความรุนแรงด้วย ทางศูนย์มุ่งหวังที่จะเพิ่มประสบการณ์เชิงบวก และเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูก ในขณะเดียวกันครอบครัวชาวไต้หวันก็ได้รับเชิญให้มาร่วมกิจกรรมด้วย ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมและการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน เพื่อสร้างบรรยากาศทางสังคมที่มีความเป็นสมัครสมานสามัคคีกัน
ศูนย์ป้องกันความรุนแรงในครอบครัวและการถูกล่วงละเมิดทางเพศนครเกาสงเรียกร้องให้ผู้ที่พบเห็นการใช้ความรุนแรงในครอบครัวสามารถโทรรายงานได้ที่สายด่วน 113 หรือโทรแจ้งตำรวจที่เบอร์ 110 เพื่อให้ทางศูนย์จัดหาที่พักพิง ช่วยเหลือทางการเงิน ทางกฎหมาย และให้คำปรึกษาด้านจิตใจได้ทันเวลา เพื่อลดความรุนแรง รวมทั้งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนที่เป็นพยานของการใช้ความรุนแรง และยังเป็นการลดการใช้ความรุนแรงในรุ่นถัดไปด้วย