นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ร่วมกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว เพื่อดำเนินงานเชิงรุกในการขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวภายในประเทศตามนโยบายของรัฐบาล โดยกรอบการทำงานคือ ททท. และหอการค้าจะร่วมกันตั้งคณะทำงานขึ้น 1 ชุด เพื่อออกแบบแพ็คเกจการท่องเที่ยวร่วมกัน โดยจากนี้จะหาทางสนับสนุนให้สมาชิกหอการค้าที่มีกว่า 1 แสนบริษัทเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น เริ่มตั้งแต่เดือนพ.ย. 2563 – ก.พ. 2564 คาดว่าจะทำให้เกิดเงินสะพัดใกล้เคียงกับจำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศปีละกว่า 10 ล้านคน หรือคิดเป็นเงินกว่า 3-4 แสนล้านบาท
ขณะเดียวกัน ททท. จะจัดทำแพ็คเกจสำหรับกลุ่มธุรกิจ โดยเน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งที่มีบุตรและยังไม่มีบุตร รวมถึงกลุ่มคนไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศไม่ได้ ซึ่งจะให้เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยก่อน และเน้นในเมืองสำคัญที่มีเที่ยวบินไปถึง เช่น กรุงเทพมหานครไปยังจังหวัดต่างๆ และเมืองใหญ่สู่เมืองใหญ่ ซึ่งแต่ละจังหวัดจะมีแพ็คเกจพิเศษทั้งโรงแรม ที่พัก ร้านอาหารจัดไว้ให้ โดย ททท. เชื่อว่าแนวทางนี้จะทำให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงปลายปีได้ควบคู่กับมาตรการของรัฐบาลที่ออกมาสนับสนุน รวมทั้งจะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 80 ล้านคน/ครั้งในปี 2563
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติม ถึงกรณีที่รัฐบาลประกาศให้มีวันหยุดยาวเพิ่มเติมในช่วงปลายปีนี้ด้วยว่า ททท. มีประสบการณ์ในการกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงดังกล่าว ซึ่งช่วงวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์ 2563 ที่ผ่านมา ทำให้มีการเดินทางมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากเป้าหมายที่ 2 ล้านคนครั้ง เกิดเงินสะพัด 8,000 ล้านบาท แต่เมื่อเดินทางจริงเพิ่มขึ้นกว่า 3 ล้านคนครั้ง เกิดเงินสะพัด 12,000 ล้านบาท วันหยุดยาวช่วงปลายปีนี้ ททท. จึงอยากกระตุ้นให้เกิดการกระจายการเดินทางให้มากขึ้น สอดรับกับโครงการเราเที่ยวด้วยกันที่มีการปรับปรุงแพ็คเกจช่วยค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน ขณะเดียวกัน ททท. ยังหารือกับคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบศ.) ด้วยว่า จะขอขยายระยะเวลาโครงการเราเที่ยวด้วยกันจากเดิม 31 ต.ค. 2563 ด้วย
ข้อมูลข่าวจาก กรมประชาสัมพันธ์