แรงงานข้ามชาติชายชาวเวียดนามรายหนึ่งที่เพิ่งมาถึงไต้หวันได้ไม่ถึงหนึ่งปี ในช่วงเวลาประมาณตี 1 ได้เดินอยู่คนเดียวในพื้นที่รอยต่อของเมืองซานอี้และเมืองหยวนหลี่ในมณฑลเหมี๋ยวลี่ ซึ่งบริเวณเป็นพื้นที่เขตภูเขาที่ห่างไกล ประชาชนที่สัญจรผ่านรู้สึกว่าเขามีพิรุธจึงได้แจ้งไปยังสถานีตำรวจซานเจี่ยว หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถสื่อสารกันได้เนื่องจากแรงงานข้ามชาติรายนี้ไม่สามารถพูดภาษาจีนได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันแปลภาษาเพื่อใช้เทคโนโลยีเพื่อระบุตัวตนและสถานที่ทำงานของชายรายนี้ หลังจากทราบรายละเอียดทั้งหมดก็ได้ใช้รถลาดตระเวนขับพาแรงงานรายนี้ไปส่งที่โรงงานที่เขาทำงาน
เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจซานเจี่ยวกล่าวว่า ในวันนั้นแรงงานคนนั้นมีอาการเหนื่อยล้าจึงส่งน้ำแร่ให้เขาดื่มก่อน หลังจากนั้นจึงใช้แอปพลิเคชันแปลภาษาเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ของแรงงานข้ามชาติ เจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้เขาโทรหาเพื่อนร่วมงานที่พูดภาษาจีนได้ จนทราบว่าชายคนนี้นามสกุลเหว่ย เป็นแรงงานข้ามชาติชาวเวียดนามที่เดินทางมาทำงานที่ไต้หวันเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว โดยในตอนเช้าของวันนั้นได้นั่งรถไฟไปเมืองจู๋หนานเพื่อไปหาเพื่อน พอนั่งรถไฟกลับเมืองหยวนหลี่แยกไม่ออกว่าเป็นรถไฟสายเลียบทะเลหรือสายภูเขา เลยนั่งรถไฟสายภูเขาและลงรถไฟที่สถานีซานอี้ หลังจากนั้นก็ไม่สามารถสื่อสารกับคนอื่นเพื่อสอบถามได้ จึงพยายามมองป้ายและเดินกลับไปที่โรงงานตามทิศทางของเมืองหยวนหลี่ ซึ่งเดินอยู่แบบนี้มาได้ 4 ชั่วโมงแล้ว จนในที่สุดเขาก็เดินเข้าไปเขตภูเขาซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลโดยไม่รู้ตัว แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปรากฏตัวต่อหน้าเขาอย่างอัศจรรย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอให้เพื่อนของเขาถ่ายรูปใบถิ่นที่อยู่มาให้จนทราบที่อยู่ของโรงงานและพาแรงงานรายนี้กลับไปส่งที่หอพักของโรงงานได้สำเร็จ
นายเหว่ยกล่าวผ่านเพื่อนว่า ตนรู้สึกไม่สบายใจ กลัวและทำอะไรไม่ถูกตอนที่ยู่บนภูเขา ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ให้การช่วยเหลือ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพานายเหว่ยมาส่งที่โรงงานและกำลังจะกลับ นายเหว่ยก็ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยการออกเสียงภาษาจีนที่ไม่ชัดมากนัก