เมื่อช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.3 ริกเตอร์ ที่จังหวัดมาลูกู ประเทศอินโดนิเซีย โดยเจ้าหน้าที่รายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บ้านเรียนกว่าร้อยหลังถูกทำลาย และประชาชนกว่า 2000 คนต้องอาศัยในสถานพักพิงชั่วคราว
สำนักข่าว Sciences et Avenir และ AP รายงานว่า เหตุแผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 18.00น. ของวันที่ 14 ก.ค. โดยจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเมืองเตอร์นาตี จังหวัดมาลูกู ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 165 กิโลเมตร และอยู่ลึกกว่า 10 กิโลเมตร ทำให้ประชาชนแตกตื่น และหนีขึ้นไปอยู่ที่สูง
นาย Agus Wibowo โฆษกคณะกรรมการแห่งชาติอินโดนีเซียเพื่อการจัดการภัยพิบัติกล่าวว่า หญิงสาว 2 ราย ถูกบ้านที่พังถล่มทับเสียชีวิต
เนื่องจากมีอาฟเตอร์ช๊อกเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประชาชนกว่าพันคนต้องอพยพไปอาศัยชั่วคราวที่โรงเรียนหรืออาคารสาธารณะใกล้บ้าน ไม่กล้าที่จะกลับไปอยู่ที่บ้าน กรมอุตุนิยมวิทยาและธรณีวิทยาอินโดนิเซียรายงานว่า เกิดอาฟเตอร์ช๊อกอย่างน้อย 65 ครั้ง หลังจากเผ่นดินไหวครั้งใหญ่
หลายสัปดาห์มานี้ เกิดเหตแผ่นดินไหวหลายครั้งในจังหวัดมาลูกู ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเกิดเหตุแผ่นดินไหววัดได้ 6.3 ริกเตอร์ และเมื่อช่วงปลายเดือน มิ.ย. ก็เกิดเหตุแผ่นดินไหววัดได้ 7.3 ริกเตอร์
แต่โชคดีที่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ ในปี 2018 เมืองสุลาเวสีของอินโดนิเซียได้เผชิญกับเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงถึง 7.5 ริกเตอร์ ซึ่งในครั้งนั้นได้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ คร่าชีวิตประชาชนกว่า 2,200 คน และพันกว่าคนยังคงสูญหาย
ประเทศอินโดนิเซียประกอบไปด้วยหมูเกาะถึง 17,000 เกาะ และตั้งอยู่บนแผ่นเปลือกโลกยูเรเชีย อินเดีย และออสเตรเลีย ซึ่งทำให้มีภูเขาไฟเป็นจำนวนมาก รวมทั้งเกิดแผ่นเดินไหวอยู่บ่อยครั้ง