เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (27) สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้จัดงานสัมนาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่เขตภาคเหนือ ปี 2019 นายซู่ กั๋วหย่ง (徐國勇) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายชิว เฟิงกวง (邱豐光) ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้เดินทางมาร่วมงานสัมนา และพบปะพูดคุยกับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่จากเขตภาคเหนือกว่า 300 คน นายซู่ กั๋วหย่งกล่าวว่า รัฐบาลยินดีต้อนรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวไต้หวัน โดยรัฐบาลจะพยายามจัดหาทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ ปัจจุบันคาดการณ์ว่าในไต้หวันมีจำนวนผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่และครอบครัวรวมกว่าล้านคน ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ไม่เพียงแต่นำมาซึ่งการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย แต่ยังกลายเป็นพลังใหม่ของไต้หวันด้วย นายซู่ กั๋วหย่งได้ให้ความสำคัญกับลักษณะทางสังคมที่หลากหลายของไต้หวันและเราเคารพในความหลากหลาย และไต้หวันก็เป็นสังคมผู้ย้ายถิ่นฐานอยู่แล้ว เราจึงยินดีต้อนรับทุกท่านมาเป็นชาวไต้หวันด้วยกัน และหวังว่าทุกคนจะให้ความสำคัญกับภาษาแม่ ซึ่งแม้ว่าคุณจะอยู่ไต้หวันแต่ก็สามารถเรียนรู้ภาษาแม่ได้
เจิง ชุ่ยชวน (鄭翠玄) อายุ 19 ปี ชาวเวียดนาม ได้เข้าร่วมงานสัมนาในวันนี้ ตอนที่เธอเกิดได้ไม่นาน พ่อของเธอก็เสียชีวิต ทำให้เธอและแม่ต้องอยู่อย่างข้นแค้นที่เวียดนาม ต่อมาเธอเดินทางมาไต้หวันกับคุณแม่เมื่อ 2 ปีก่อน และมีคุณพ่อเลี้ยงชาวไต้หวันเป็นผู้เลี้ยงดู เธอได้เปลี่ยนนามสกุลจากเหงี๋ยน (阮) เป็น เจิง (鄭) ทำให้เธอราวกับได้ชีวิตใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง แต่เธอก็ไม่ได้คาดคิดว่าชีวิตของเธอยังคงพบเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่ดีหลังจากนั้น
เจิง ชุ่ยชวนกล่าวว่า หลังจากย้ายมาอยู่ไต้หวันได้ไม่นาน แม่และพ่อเลี้ยงของเธอเกิดล้มป่วย ทำให้ครอบครัวมีปัญหาอีกครั้ง ในตอนนั้นเธอยังคงเรียนอยู่โรงเรียนอาชีวะศึกษาแห่งชาติทางทะเลและการประมงซูอ้าวชั้นปีที่ 3 และเพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระครอบครัว นอกเหนือจากการขายผักในตลาดซูอ้าวแล้ว เธอต้องทำงานแทนแม่ และดูแลน้องสาวด้วย
เมื่อตอนที่ เจิง ชุ่ยชวน เดินทางมาไต้หวันแรกๆ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เธอไม่สามารถพูดภาษาจีนได้เลย ตอนที่อยู่โรงเรียนก็ใช้แต่ภาษามือ จนเมื่อปีที่แล้วเธอจึงสามารถเรียนทันเพื่อนในชั้นเรียน และเข้าร่วมการทดสอบบัญชีระดับสามของมณฑลอี๋หลานได้อันดับที่ 1 เจิง ชุ่ยชวนกล่าวว่าในอนาคตเธออยากเป็นทนายความ เพื่อดูแลด้านสิทธิมนุษยชนและสวัสดิการเพื่อผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่และบุตร
นอกจากนี้ เฉิน อวี้สุย (陳玉水) ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวเวียดนาม ได้เข้าร่วมงานสัมนาในครั้งนี้ด้วย เธอได้แชร์เรื่องราวของตนเอง ซึ่งเธอไม่เพียงแต่เป็นนักแปลภาษาเท่านั้น แต่ยังเป็นครูสอนภาษาเวียดนามด้วย นอกจากนี้เธอยังได้ทำหนังสือคู่มือคำศัพท์กฎหมายไต้หวันเป็นภาษาเวียดนาม เพื่อช่วยเหลือผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่และแรงงานข้ามชาติชาวเวียดนามที่ไม่รู้กฎหมายของไต้หวัน
นายซู่ กั๋วหย่งกล่าวว่า รัฐบาลดูแลผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่และบุตร เพือให้พวกเค้าเป็นพลังใหม่ของไต้หวัน ได้มีการออกมาตรการต่างๆ มากมาย ตัวอย่างเช่น การแก้ไขกฎหมายผ่อนปรนการเยี่ยมญาติสำหรับญาติของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวจีน รถให้บริการเคลื่อนที่สำหรับพื้นที่ห่างไกลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง บริการแบบครบวงจร บริการเรียนรู้คอมพิวเตอร์ออนไลน์ฟรี โครงการส่งเสริมศักยภาพผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่และบุตรในต่างประเทศ เป็นต้น โดยหวังว่าจะสามารถช่วยให้ครอบครัวผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่หลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไต้หวันได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
กระทรวงมหาดไทยไต้หวันระบุว่า ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่เข้าร่วมงานสัมนาในวันนี้มาจากกรุงไทเป นครนิวไทเป นครจีหลง และนครเถาหยวน รวมกว่า 300 คน โดยหวังว่าการจัดงานในวันนี้จะสามารถข้อเสนอแนะและความต้องการของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ และนำมาพิจารณาในการปรับเปลี่ยนกฎหมายและนโยบายด้านการดูแลผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในอนาคต และหวังว่าผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่จะกลายเป็นพลังใหม่ ขับเคลื่อนให้สังคมมีความก้าวหน้า และผลักดันให้ไต้หวันก้าวสู่ระดับนานาชาติ