มูลนิธิฉื๋อจี้บริจาคถุงมือ หน้ากากป้องกันโรค และหน้ากากอนามัยให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง

โรคปอดอักเสบจากไวรัสโควิด-19 ได้แพร่ระบาดไปทั่วโลก โดยตั้งแต่เวลา 0.00 น. ของวันที่ 21 มี.ค.เป็นต้นไป ไต้หวัน ผู้ที่เดินทางเข้าไต้หวันทุกคนจะต้องกักกันตนเองที่บ้าน 14 วัน และข้อกำหนดการป้องกันการแพร่ระบาดของสนามบินก็มีการยกระดับเข้มข้นขึ้น นายซู่ กั๋วหย่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทำหน้าที่ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคระดับแนวหน้าของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องจัดการกับผู้โดยสารนับหมื่นที่เพิ่งเดินทางกลับจากประเทศต่าง ๆ แลต้องะเอาชนะกับความกลัวในการเผชิญกับโรคปอดอักเสบจากไวรัสโควิด-19 ซึ่งมูลนิธิฉื๋อจี้ได้บริจาคถุงมือ 3,500 คู่ ยาฆ่าเชื้อแอลกอฮอล์จากต้นชา 150 ขวด และบริษัทต้าอ้าย (大愛感恩科技股份有限公司) มอบหน้ากากป้องกัน 300 ชุด พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่ระดับแนวหน้าดูแลสุขภาพของตนเอง รักษาสุขอนามัยของตนเองและฆ่าเชื้อโรคบ่อยๆ

นอกจากนี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (19 มี.ค.) มูลนิธิได้มอบหน้ากากอนามัยจำนวน 6000 ชิ้น ให้กับเจ้าหน้าที่คตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินและท่าเรือ ปัจจุบันโรคปอดอักเสบจากไวรัสโควิด-19 ได้แพร่ระบาดไปยัง 162 ประเทศ การป้องกันชายแดนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะต้องตรวจสอบหนังสือเดินทางของผู้โดยสารทุกคน ซึ่งต้องเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัว และต้องให้ผู้โดยสารถอดหมวก และหน้ากากอนามัยอีกด้วย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้ปฎิบัติหน้าที่อย่างอุ่นใจ มูลนิธิฉื๋อจี้จึงได้บริจาคถุงมือ 3,500 คู่ ยาฆ่าเชื้อแอลกอฮอล์จากต้นชา 150 ขวด และหน้ากากป้องกัน 300 ชุด ให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ใช้เพื่อปกป้องสุขภาพของตนเอง

เมื่อเร็วๆ นี้ นายซู กั๋วหย่งได้เขียนข้อความลงบนเฟสบุ๊คว่า ก่อนหน้านี้ มูลนิธิฉื๋อจี้เคยมอบหน้ากากอนามัยให้กับสถานีบริการของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และศูนย์พักพิง ต้องขอขอบคุณทางมูลนิธิเป็นอย่างมากที่ได้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่แนวหน้าในการป้องกันการแพร่ระบาดเพื่อปกป้องไต้หวัน และขอให้ทุกคนร่วมมือกันต่อสู้กับโรคระบาด ซึ่งจะต้องผ่านไปด้วยกันอย่างแน่นอน ในช่วงเวลาของการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากไวรัสโควิด-19 หน่วยงานที่ไม่ใช่ภาครัฐและกลุ่มศาสนาให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือซึ่งกัน และช่วยหน่วยงานของรัฐในการป้องกันการแพร่ระบาด เป็นการแสดงความอบอุ่นในสังคมไต้หวันอีกครั้ง