[เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่] ตามรายงานจาก “โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์” Work-life Balance คือ แนวคิดเกี่ยวกับการปรับสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว เพื่อลดผลกระทบจากการทำงานหนักเกินไป ซึ่งมีประโยชน์สำหรับคนยุคใหม่ ทั้งที่ทำงานประจำและอาชีพอิสระ ช่วยให้มีความสุขกับชีวิตมากขึ้นเนื่องจากการทำงานหนักอย่างต่อเนื่องอาจสร้างผลกระทบในหลาย ๆ ด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิตดีขึ้น มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างที่มีคุณภาพมากขึ้นวิธีการสร้าง Work-Life Balance1. ตั้งเป้าหมายการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวันควรตั้งเป้าหมายและจัดรายการลำดับการทำงานในแต่ละวันเพื่อการจัดการเวลาได้ดีขึ้น2. เคารพเวลาพักผ่อนของตนเองเมื่อถึงเวลาพักผ่อนควรหยุดคิดถึงเรื่องงาน ไม่นำงานกลับมาทำที่บ้านปิดโทรศัพท์มือถือ ใช้เวลาพักผ่อนเพื่อเป็นรางวัลให้กับความอดทนและตั้งใจของตนเองในแต่ละวัน3. เรียนรู้ที่จะปฏิเสธและต่อรองการขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานเพื่อแบ่งเบาภาระงานเพื่อช่วยให้จดจ่อกับงานและผลิตงานที่มีคุณภาพได้มากขึ้น4. ใช้เวลากับคนรอบตัวให้มากขึ้นการแบ่งเวลาให้กับคนรอบตัวหรือคนในครอบครัวจะส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ และช่วยบรรเทาความเครียดหรือความทุกข์ภายในจิตใจ จึงไม่ควรละเลยคนรอบตัวที่ควรให้ความสำคัญ5. ใส่ใจกับตนเองมากขึ้นควรแบ่งเวลาเพื่อดูแลสุขภาพตนเอง เช่น ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ทำกิจกรรมที่ชอบเพื่อผ่อนคลายความเครียด จะช่วยให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรงพร้อมสำหรับการทำงานและการใช้ชีวิตอ่านข่าวเพิ่มเติม : ภาครัฐและผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ร่วมมือกันจัดกิจกรรมรณรงค์ “ต่อต้านการทุจริตเลือกตั้งทุกรูปแบบ”
ตามข้อมูลจาก “คมชัดลึกออนไลน์” ได้แบ่งปันทริคง่ายๆ ในการเลือกรับประทานโยเกิร์ตให้หุ่นเป๊ะ-ผิวปัง ดังนี้1. รู้จักส่วนผสม เลือกดีมีชัยไปกว่าครึ่งผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตมีให้เลือกทั้งที่ผลิตจากนม และไม่ได้ผลิตจากนม ซึ่งมีคุณค่าทางสารอาหารและรสชาติแตกต่างกันไป แต่สิ่งสำคัญสำหรับการเลือกโยเกิร์ตของสายรักสุขภาพก็คือ อย่าลืมดูปริมาณน้ำตาลในส่วนประกอบ ควรดูข้อมูลส่วนประกอบเลือกอันที่มีน้ำตาลน้อย และควรเลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติ ไม่ผสมผลไม้หรือส่วนประกอบอื่นเพราะมักจะมีน้ำตาลแฝงมาด้วย2. โปรตีน ตัวเอกที่ทำให้อิ่มท้องสำหรับใครที่อยากคุมอาหาร ต้องมองหาอาหารที่มีโปรตีนและไฟเบอร์สูง เพราะช่วยให้เรารู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดการกินจุบจิบ การเพิ่มโปรตีนให้ร่างกายสามารถช่วยลดระดับฮอร์โมนเกรลิน ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นความอยากอาหารและทำให้ร่างกายรู้สึกหิว นอกจากนี้ โปรตีนยังจำเป็นสำหรับการซ่อมแซมและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ พร้อมสำหรับการออกกำลังกายเพื่อสร้างหุ่นฟิตแอนด์เฟิร์มด้วย ดังนั้นหากใครกำลังเลือกโยเกิร์ตที่ดีต่อการควบคุมน้ำหนัก อย่าลืมดูปริมาณโปรตีนที่ฉลากข้างผลิตภัณฑ์ให้ดีอ่านข่าวเพิ่มเติม: สถาบันวิจัยกล้วยไต้หวัน ผลักดันการแปรรูปผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากกล้วยดิบ เพื่อเพิ่มมูลค่า3. เป๊ะทั้งหุ่นทั้งผิว ต้องไม่ลืมบำรุงด้วย Super Food ให้เปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอกใครที่ตั้งใจดูแลความสวยล้วนเข้าใจดีว่า ถ้าเราตั้งใจลดน้ำหนักหรือลดสัดส่วนลงแต่ไม่ดูแลผิวพรรณให้ดี ก็สร้างความสวยแบบเฮลตี้ไม่ได้ ดังนั้น การเติมอาหารให้กับผิวคืนความเปล่งปลั่งก็เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเลือก โยเกิร์ต ที่มีส่วนประกอบของวิตามินต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อการบำรุงร่างกาย เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงเซลล์ผิวให้สมบูรณ์4. เลือกกินให้ดีพร้อมขยับร่างกายนอกจากเลือก โยเกิร์ต ที่มีส่วนประกอบที่มีประโยชน์แล้ว การออกกำลังกายก็สำคัญไม่แพ้กัน ใครที่ต้องการรักษาสุขภาพต้องออกกำลังกายให้ได้ทั้ง 2 ประเภทคือ คาร์ดิโอเพื่อเผาผลาญพลังงาน เช่น การวิ่ง ว่ายน้ำ เต้น และเวทเทรนนิ่งเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ เช่น ยกดัมเบล โยคะ พิลาทิส และอย่าลืมสร้างพลังงานดีๆ ให้ร่างกายด้วยการกินโยเกิร์ตสักถ้วยก่อนออกกำลังกายอ่านข่าวเพิ่มเติม: ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่แซวกันสนั่นโซเชียล ! ป้ายสีแดงหน้าร้านค้า อีกหนึ่งเรื่องตลกๆ ในไต้หวัน
ตามข้อมูลจาก “กระทรวงคมนาคม” นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมรองรับผู้โดยสารชาวอินเดีย และไต้หวันตามนโยบายฟรีวีซ่าของรัฐบาลว่า ตามที่เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติในหลักการฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวอินเดียและไต้หวันให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยได้ไม่เกิน 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566-10 พฤษภาคม 2567 (ระยะเวลา 6 เดือน) ซึ่งเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยวของชาวอินเดียและไต้หวัน เพื่ออำนวยความสะดวก และสร้างแรงจูงใจให้กับนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น รวมถึงกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว และขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศในช่วงปี 2566-2567ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือในการเตรียมการรองรับนักท่องเที่ยวให้ดีที่สุด ตั้งแต่เดินทางเข้าสู่ประเทศตลอดจนถึงการเดินทางกลับออกจากประเทศไทย อีกทั้งได้สั่งการให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ รวมถึงหาแนวทางการดำเนินการ เพื่ออำนวยความสะดวกรองรับการเดินทางของผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และอื่นๆ พร้อมทั้งให้ประสานงานกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อให้กระบวนการทุกขั้นตอนมีความสะดวกรวดเร็ว ไม่ให้ผู้โดยสารเกิดความแออัด หรือใช้เวลานานหลังจากลงจากเครื่องบินขณะเดียวกัน ให้จัดตั้งศูนย์บัญชาการร่วม (Single Command Center) เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานร่วมของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการในทุกขั้นตอนในท่าอากาศยาน ทำหน้าที่ตรวจสอบติดตามการให้บริการ และกวดขันการบริหารการจราจรบริเวณหน้าท่าไม่ให้เกิดความแออัดหนาแน่น และเก็บบันทึกข้อมูลการให้บริการ ภาพถ่ายกล้องวงจรปิด เพื่อนำมาวิเคราะห์ประกอบการให้บริการให้ดียิ่งขึ้นอ่านข่าวเพิ่มเติม:ไต้หวันเปิดตัว “Taiwan Talent ศูนย์ให้บริการและสรรหาบุคลากรนานาชาติแบบเบ็ดเสร็จตามข้อมูลจาก “กระทรวงคมนาคม”นายสุริยะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมการในด้านต่างๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกสบายตลอดการเดินทางในประเทศไทย ประกอบด้วย การเตรียมความพร้อมท่าอากาศยานในภูมิภาค การเตรียมความพร้อมการเดินทางภายในกรุงเทพมหานคร (กทม.) การเตรียมความพร้อมการเดินทางไปต่างจังหวัดทางรถไฟและรถโดยสาร การเตรียมความพร้อมการเดินทางในต่างจังหวัด และการเตรียมความพร้อมสำหรับความปลอดภัยในการท่องเที่ยวทางน้ำอีกทั้งให้ทุกหน่วยงานถือปฏิบัติตามหลักการเดียวกัน คือ การให้บริการที่มีประสิทธิภาพ สะดวกรวดเร็ว ปลอดภัย สะอาดสวยงาม พนักงานให้บริการด้วยมนุษยสัมพันธ์ที่ดี และมีอัตราค่าบริการที่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด กระทรวงคมนาคมได้เดินหน้าบริหารจัดการทุกขั้นตอนการบริการที่เป็นประตูสู่ประเทศไทย พร้อมรองรับปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประตูและเป็นศูนย์กลางการเดินทางของภูมิภาค กระตุ้นการหมุนเวียนเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และความมั่นคงของประเทศสำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังประเทศไทยนั้น จากข้อมูลกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 พบว่า ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม–5 พฤศจิกายน 2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ จำนวนทั้งสิ้น 557,554 คน คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 79,651 คน โดยนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุด จำนวน 73,297 คน รองลงมา ได้แก่ จีน จำนวน 67,443 คน, รัสเซีย จำนวน 39,136 คน, อินเดีย จำนวน 30,547 คน และเกาหลีใต้ จำนวน 30,255 คน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา รวมทั้งสิ้น 22,622,522 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 954,239 ล้านบาท