จุฬาฯ เปิดให้บริการตรวจโควิด-19 แล้ว ใช้เวลาคัดกรองเบื้องต้น 15 นาทีรู้ผล

เมื่อวานนี้ (30มี.ค.) เป็นวันแรก ที่ศูนย์บริการสุขภาพแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดให้บริการ Chula COVID-19 Strip Test ชุดตรวจผลเลือดเพื่อคัดกรองเบื้องต้นว่ามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อCOVID-19 หรือไม่ ด้วยวิธีที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว สามารถทราบผลได้ภายใน 15 นาที

นพ.สัณฐิติ  ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์บริการสุขภาพแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ชุดทดสอบ Chula COVID-19 Strip Test คิดค้นโดยอาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ การทดสอบอาศัยหลักการทางภูมิคุ้มกันร่างกาย (Serology Test) ซึ่งเป็นการตรวจหาแอนติบอดี (IgG & IgM) ในเลือด ซีรัม หรือพลาสมา ใช้เวลาเพียง 10-15 นาทีในการตรวจวินิจฉัยเพื่อคัดกรองเบื้องต้น ด้วยการเจาะเลือดจากปลายนิ้ว เมื่อเทียบกับวิธีการเดิมที่ตรวจด้วยสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ ที่ใช้เวลา 20-30 นาที ช่วยลดเวลาในการตรวจและเพิ่มจำนวนตรวจหาผู้ที่มีความเสี่ยงได้มากขึ้น โดยเครื่องมือชนิดนี้ได้ทำการทดสอบกับทั้งผู้ป่วยโควิด-19 และผู้ที่มีความเสี่ยง ซึ่งได้ผลตรวจเป็นที่น่าพอใจ จึงเริ่มนำร่องตรวจมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนจะเปิดให้บริการจริงกับบุคคลภายนอกด้วยในวันนี้ จากการตรวจยังไม่พบผู้ที่ผลเป็นบวก

พร้อมยืนยันว่า ชุดตรวจ Chula COVID-19 Strip Test ไม่ได้นำมาทดแทนการตรวจเชื้อ COVID-19 ด้วยวิธีมาตรฐาน แต่หวังว่าชุดทดสอบนี้จะช่วยแบ่งเบาจำนวนคนไข้ที่ต้องมารับบริการตรวจที่โรงพยาบาลจำนวนมาก ถ้ามีผลเลือดเป็น Negative และไม่มีความเสี่ยง ก็จะได้รับคำแนะนำในการปฏิบัติตนที่ถูกต้อง โดยไม่จำเป็นต้องไปตรวจที่โรงพยาบาล แต่หากผลตรวจเป็นบวก(ติดเชื้อ) ก็จะมีช่องทางที่รวดเร็วในการส่งไปตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันอีกครั้งที่โรงพยาบาล และนำเข้าระบบการรักษา อย่างทันท่วงที

เบื้องต้นขณะนี้จะให้บริการบุคคลภายนอกได้วันละ 50 คน และบุคลากรของจุฬาฯอีก 50 คน สำหรับบุคคลภายนอกที่สนใจเข้ารับการตรวจด้วย Chula COVID-19 Strip Test จะต้องลงทะเบียนทางออนไลน์ ที่ http://covid19.thaitechstartup.org/ เพื่อทำแบบสอบถามคัดกรองผู้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ หากมีความเสี่ยงมากหรือปานกลาง จะได้รับการแจ้งนัดหมายให้มารับบริการที่ศูนย์บริการสุขภาพแห่งจุฬาฯ ซึ่งจะมีการจัดลำดับการให้บริการและวิธีเข้ามารับบริการ อย่างปลอดภัยตามมาตรการ Social Distancing ในอนาคตหากระบบมีความเข้มแข็งก็จะส่งต่อให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศนำไปใช้ต่อไป

ข้อมูลข่าวจาก สำนักข่าวไทย