นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ในวันนี้ (30 มี.ค.) ว่า ที่ประชุมได้ทบทวนการใช้มาตรการต่างๆ หลังประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นที่น่าพอใจ แต่ยังมีบางเหตุการณ์ที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวมได้ เช่น การจัดกิจกรรมสังสรรค์ การถ่ายทอดการแข่งขันมวยผ่านสื่อ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือแม้แต่ศาสนกิจทั้งการใส่บาตรข้าวเหนียว หรือการทำวัตรของภิกษุสงฆ์ เป็นต้น
ทั้งนี้ ยังชี้แจงถึงแผนการจัดสรรหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์การแพทย์ว่า หลังจากนี้จะล้างตัวเลขเก่าที่มีการเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนทั้งหมดเพื่อสร้างความเข้าใจต่อประชาชน เพื่อประเมินและทำแผนการจ่ายหน้ากากใหม่ ซึ่งขณะนี้มีโรงงานผลิต จำนวน 11 โรงงาน มีกำลังการผลิต 2,300,000 ชิ้นต่อวัน โดยในเวลา 17.00 น. ในวันนี้ (30 มี.ค.) บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะขนส่งหน้ากากอนามัยมัยทางการแพทย์ไปแจกจ่ายตามโรงพยาบาลประจำจังหวัด โรงพยาบาลละ 1,300,000 ชิ้น เพื่อให้บุคลากรการแพทย์ และอีก 1,000,000 ชิ้น สำหรับ อสม. ในพื้นที่ต่าง เจ้าหน้าที่รัฐที่ให้บริการประชาชนที่มีความเสี่ยง รวมถึงเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้แจกจ่ายและจะมีการปรับแผนการผลิตและแจกจ่ายให้กับประชาชน
หลังจากนี้ 3-4 วัน สำหรับหน้ากากอนามัยที่ติดลิขสิทธิ์ หรือติดสนธิสัญญาต่างๆ นั้น รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ยังคงต้องเก็บไว้เพื่อรอการส่งออก แต่หน้ากากชนิดใดติด BOI อาจจะมีการนำหน้ากากดังกล่าวแบ่งส่วนมาใช้ในประเทศด้วย เพราะกฎหมายมีกำหนดข้อยกเว้นไว้ และยังมีการยกเว้นภาษีศุลกากรร้อยละ 0 สำหรับการนำเข้าหน้ากาก ส่วนน้ำยาเวชภัณฑ์ ยา เครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆ จะมีการยกเว้นเช่นเดียวกัน โดยจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป เพื่อให้สามารถนำเข้าจากต่างประเทศได้
ข้อมูลข่าวจาก กรมประชาสัมพันธ์