เพื่อพัฒนาความร่วมมือในด้านแรงงานระหว่างไต้หวันและฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานไต้หวันได้จัดการประชุมแรงงานไต้หวัน-ฟิลิปปินส์ ครั้งที่ 8 (第8屆臺菲勞工會議) ณ กรุงไทเป การประชุมดังกล่าวมีการพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับแรงงานชาวฟิลิปปินส์ที่ทำงานในไต้หวัน ซึ่งประกอบไปด้วย การก่อตั้งหน่วยงานประสานงานด้านค่ารักษาพยาบาลของแรงงานข้ามชาติที่หลบหนี แก้ไขปัญหาความไม่ลงรอยกันระหว่างสัญญาแรงงานกับค่าแรงที่ได้รับ การแนะนำแรงงานชาวฟิลิปปินส์ให้ทำงานในภาคการเกษตรของไต้หวัน ส่งเสริมการพัฒนาทักษะการดูแลครอบครัวและการคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของแรงงานข้ามชาติ เป็นต้น
กระทรวงแรงงานไต้หวันกล่าวว่าการประชุมครั้งนี้ ไต้หวันเป็นเจ้าภาพจัดงาน โดยมีผู้เข้าร่วมการประชุมจากฝั่งฟิลิปปินส์ ได้แก่ เจ้าหน้าที่จากกระทรวงแรงงานของฟิลิปปินส์ และสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมมะนิลา และฝั่งไต้หวันมีผู้เข้าร่วมการประชุม ได้แก่ เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันสภาการเกษตรไต้หวัน กรมประมงไต้หวัน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักประกันแรงงานกระทรวงแรงงาน สำนักบริหารความปลอดภัยและอาชีวอนามัย และสำนักงานพัฒนาแรงงาน
หากนับจนถึงสิ้นเดือนก.ย.ปีนี้ (2019) ไต้หวันมีจำนวนแรงงานชาวฟิลิปปินส์ 15 6,248 คน คิดเป็น 22% ของแรงงานข้ามชาติทั้งหมด แรงงานข้ามชาติชาวฟิลิปปินส่วนใหญ่ทำงานอยู่ในภาคการผลิตของไต้หวัน แรงงานข้ามชาติชาวฟิลิปปินส์มีความขยัน และมีประสิทธิภาพการทำงานสูง เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของไต้หวัน โดยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุสะพานหนานฟางอ้าวถล่ม ทำให้แรงงานประมงชาวฟิลิปปินส์เสียชีวิต รัฐบาลไต้หวันนอกจากจะแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง เนื่องจากแรงงานชาวฟิลิปปินส์ที่ทำงานในไต้หวันได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานเช่นเดียวกับแรงงานชาวไต้หวัน พวกเค้าจะได้รับเงินชดเชยหรือเงินอุดหนุนตามกฎหมาย กระทรวงแรงงานจะให้ความสำคัญกับการปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของผู้บาดเจ็บ ล้มตาย และสมาชิกในครอบครัว โดยทางฝ่ายฟิลิปปินส์ก็ได้กล่าวแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อฝ่ายไต้หวันและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับการให้ความช่วยเหลือแรงงานชาวประมงฟิลิปปินส์ที่บาดเจ็บ และเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว รวมทั้งครอบครัวของพวกเขาด้วย
กระทรวงแรงงานไต้หวันกล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ประสบความสำเร็จด้วยการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของทั้งสองฝ่าย ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างเต็มที่ในระหว่างการประชุมจนได้มาซึ่งฉันทามติร่วมกัน โดยกระทรวงแรงงานจะนำข้อเสนอแนะที่ได้มาพัฒนาและแก้ปัญหาต่อไป
