ไทยพบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 แล้ว 1 ราย

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่าหลังจากวานนี้ มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่กำหนดให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายลำดับที่ 14 ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มี.ค.เป็นต้นไป โดยเน้นย้ำให้มีการเฝ้าระวังและการแจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ กรณีพบผู้ป่วยหรือสงสัยว่าป่วย ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ต้องรายงานให้เจ้าหน้าที่รับทราบภายใน 3 ชั่วโมง หากฝ่าฝืนจะมีความผิด โดยปรับไม่เกิน 20,000 บาท เพื่อดำเนินการควบคุมป้องกันโรคอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 

ในส่วนสถานการณ์ล่าสุด มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 11 ราย กลับบ้านแล้ว 30 ราย เสียชีวิต 1 ราย รวมสะสม 42 ราย โดยในวันนี้ มีผู้ป่วยยืนยันรักษาหายกลับบ้านได้ 2 ราย รายที่ 1 เป็นชายชาวจีน อายุ 33 ปี  รายที่ 2 เป็นเด็กหญิงไทย อายุ 3 ขวบ ทั้งคู่รักษาอยู่สถาบันบำราศนราดูร ในส่วนผู้ป่วยอาการหนัก 2 ราย ขณะนี้ เสียชีวิต 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 35 ปี โดยผู้ป่วยรายนี้ ป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก ต่อมามีการติดเชื้อโควิด-19 ร่วมด้วย หลังจากทำการรักษาด้วยยาต้านไวรัสที่ดีที่สุด ตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากรักษาเป็นเวลาเกือบ 1 เดือน ด้วยสภาพปอดที่เสื่อมแต่เดิม หัวใจและอวัยวะภายในทำงานหนัก ทำให้อวัยวะภายในหลายระบบล้มเหลวจึงเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งหลังจากนี้ จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการวิชาการ (ภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ) ต่อไป ส่วนอีก 1 ราย ที่มีการติดเชื้อวัณโรคร่วมด้วย ตรวจไม่พบเชื้อต่อเนื่องเป็นเวลา 1 สัปดาห์แล้ว ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด 

ในส่วนการกระจายหน้ากากอนามัยสำหรับประชาชนในวันพรุ่งนี้ ที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเอื้อประโยชน์กับประชาชน จำนวน 10,000 ชิ้น ใน 9 จุด ซึ่งประชาชนสามารถรับได้คนละ 3 ชิ้นเท่านั้น โดยหน้ากากอนามัยที่แจกฟรีให้ประชาชนเป็นคนละส่วนกับที่จัดสรรให้กับสถานพยาบาล ซึ่งมีแผนการจัดสรรชัดเจนตามความต้องการที่แจ้งผ่านมายังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและเขตสุขภาพ ต้องมีเพียงพอต่อการใช้งานในการบริการผู้ป่วย

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.-29 ก.พ.นี้ มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 2,953 ราย คัดกรองจากทุกด่าน 92 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 2,861 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างการติดตามอาการ 1,748 ราย และยังคงรักษาในโรงพยาบาล 1,205 ราย ในส่วนสถานการณ์ทั่วโลกใน 60 ประเทศ พบว่า มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 85,983 ราย และเสียชีวิต 2,941 ราย 

ข้อมูลข่าวจาก กรมประชาสัมพันธ์