ฟันผุเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยของเด็กในวัยเรียน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สำนักงานส่งเสริมการศึกษาภาคบังคับ กระทรวงศึกษาธิการไต้หวัน ได้ส่งเสริมการดูแลสุขภาพช่องปากในสถานศึกษาอย่างจริงจัง โดยเน้นที่ “การใช้ฟลูออไรด์ปกป้องฟัน การทำความสะอาดฟัน และรับประทานของหวานให้น้อยลง” รวมทั้งสนับสนุนสถานศึกษาในการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมการดูแลสุขภาพช่องปาก จากผลการตรวจสุขภาพช่องปากของนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1, 4 และมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า ทั่วประเทศพบว่าความชุกของโรคฟันผุโดยเฉลี่ยลดลงจาก 65.58% เป็น 54.83% ระหว่างช่วงปีการศึกษา 2014-2019 หรือลดลงโดยเฉลี่ย 2% ในแต่ละปี แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการดูแลสุขภาพช่องปากในสถานศึกษาได้เป็นอย่างดี
นับตั้งแต่ปีการศึกษา 2015 เป็นต้นมา สำนักงานส่งเสริมการศึกษาภาคบังคับ กระทรวงศึกษาธิการไต้หวันได้ดำเนินการตามแผนส่งเสริมสุขภาพช่องปากในเด็กนักเรียน โดยให้คำปรึกษาแก่สถานศึกษาในการส่งเสริมการดูแลสุขภาพช่องปาก และจัดหาแห่งข้อมูลด้านสุขภาพช่องปาก เพื่อเพิ่มความตระหนักด้านสุขภาพและทักษะการใช้ชีวิตแก่ครู นักเรียนและผู้ปกครอง
แผนส่งเสริมสุขภาพช่องปากดังกล่าวได้ส่งเสริมให้เด็กนักเรียนทำความสะอาดฟันด้วยยาสีฟันที่มีปริมาณฟลูออไรด์มากกว่า 1,000 ppm หลังอาหารและก่อนนอน เปลี่ยนแปรงสีฟันตามเวลาที่กำหนด เริ่มใช้ไหมขัดฟัน ลดการบริโภคอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาล ไปพบทันตแพทย์เป็นประจำ และเข้ารับการเคลือบหลุมร่องฟัน เป็นการเสริมสร้างการดูแลสุขอนามัยในช่องปากตั้งแต่ยังเด็ก
สำนักงานส่งเสริมการศึกษาภาคบังคับกล่าวว่า สุขภาพช่องปากมีผลโดยตรงต่อสุขภาพของเด็กในวัยเรียน และเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ คุณภาพชีวิต และพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจด้วย ในอนาคตจะดำเนินการตามแผนส่งเสริมสุขภาพช่องปากอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาพช่องปากในสถานศึกษา และเพิ่มความสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปากของเด็กนักเรียนทั่วประเทศเพื่อให้อัตราการเกิดโรคฟันผุในเด็กนักเรียนลดลงอย่างต่อเนื่อง