img
:::
ข่าวทั่วไป

กรมอนามัย ห่วงใยเด็กเล็ก แนะเลี่ยงจอทุกชนิด เพื่อป้องกันสายตาผิดปกติในอนาคต

ภาพ/นำมาจาก Pixabay
ภาพ/นำมาจาก Pixabay

[เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่]  ตามข้อมูลจาก “กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข” เพื่อต้องการกระตุ้นให้ประชากรทั่วโลก เกิดการตื่นตัวกับการรณรงค์ป้องกันและฟื้นฟู การตาบอด การมองเห็นเลือนลาง รวมถึงปัญหาอื่น ๆ ทางสายตา กรมอนามัยจึงมีความห่วงใยเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี เนื่องจากพ่อแม่ ผู้ปกครองมักปล่อยให้ลูกอยู่กับสื่อเทคโนโลยี เช่น มือถือ แท็บเล็ต หรือให้ดูโทรทัศน์ทั้งวัน เพื่อไม่ให้ลูกดื้อ ซน ร้องไห้ ซึ่งจะส่งผลเสียตามมาโดยเฉพาะเรื่องพัฒนาการช้า ปัญหาด้านการสื่อสาร รวมทั้ง ปัญหาด้านสายตาในอนาคต

  แพทย์หญิงอัจฉรา กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมากรมอนามัยได้ขับเคลื่อนโครงการเด็กไทยสายตาดี ตั้งแต่ปี 2559 โดยกรมอนามัย กรมการแพทย์ คณะกรรมการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) สาขาตา ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรุงเทพมหานคร ตั้งเป้าหมายให้เด็กนักเรียนชั้น ป.1 ได้รับการตรวจคัดกรองสายตาโดยครูประจำชั้น และยืนยันโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หากสงสัยสายตาผิดปกติส่งต่อโรงพยาบาลที่มีจักษุแพทย์ตรวจวินิจฉัยและได้รับแว่นตา ซึ่งข้อมูลการตรวจคัดกรองสายตาในปี 2559 พบเด็กไทยมีสายตาผิดปกติ 11,000 คน ปี 2560 พบเด็กไทยมีสายตาผิดปกติ 8,687 คน และในปี 2561 สายตาผิดปกติ 9,976 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสายตาสั้น และสายตาเอียง

อ่านข่าวเพิ่มเติม:ครม.เคาะฟรีวีซ่า "อินเดีย-ไต้หวัน" เที่ยวไทย 30 วัน นาน 6 เดือน เริ่ม 10 พ.ย.นี้

ตามข้อมูลจาก “กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข” “ทั้งนี้ เด็กแรกเกิดถึง 3 ปี เป็นช่วงวัยที่สำคัญที่สุด ในการเรียนรู้ เนื่องจากสมองของเด็กจะพัฒนาสูงสุดซึ่งมีสิ่งแวดล้อมโดยรอบจะเป็นตัวกระตุ้นส่งเสริมพัฒนาการทางด้านสมองในช่วงต้น หากปล่อยให้เด็กใกล้ชิดสื่อเหล่านี้มากเกินไปโดยไม่กำหนดเวลาดูหรือเลือกสื่อ ที่ไม่เหมาะสม จะส่งผลเสียหลายด้าน 1) ด้านการสื่อสาร พูดช้า พูดไม่ชัด ขาดความคิดสร้างสรรค์ และ การจ้องมองจอภาพเป็นเวลานานจะส่งผลเสียกับดวงตาได้ เช่น ทำให้สายตาสั้น ดวงตาแห้ง  ด้านร่างกาย จะไม่แข็งแรง เหนื่อยง่าย ขาดการเคลื่อนไหว ออกกำลังกายตามที่ควรจะเป็นหรืออาจส่งผลให้เป็นเด็กขี้เกียจได้ 3) ด้านอารมณ์  ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เพราะเด็กแยกแยะโลกของอินเทอร์เน็ตกับความจริงไม่ได้ หงุดหงิดง่าย ใจร้อน รอคอยไม่เป็น เด็กขาดสมาธิ ไม่จดจ่อหรือตั้งใจทำกิจกรรมใด และ 4) ด้านพฤติกรรม จะก้าวร้าว ซน สมาธิสั้น มีพฤติกรรมคล้ายออทิสติกดื้อ ต่อต้าน โลกส่วนตัวสูง กรมอนามัยจึงแนะนำให้จำกัดเวลาในการใช้สื่อเทคโนโลยีที่เหมาะสม โดยเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ให้หลีกเลี่ยงการใช้สื่อมีจอทุกชนิด (ยกเว้นวิดีโอแชท) ส่วนเด็กอายุ 2-5 ปี ให้จำกัดเวลาการใช้จอ ไม่ควรเกินวันละ 1 ชั่วโมง และควรเลือกโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันที่มีคุณภาพให้เหมาะสมกับวัย พ่อแม่ผู้ปกครองเด็กควรหลีกเลี่ยง การใช้สื่อมีจอเพื่อให้เด็กสงบนิ่ง หรือหยุดร้องไห้ และหันมาใช้เวลาสร้างความสัมพันธ์ร่วมกันในครอบครัว เพราะพัฒนาการที่ดีของเด็ก ๆ เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ ที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน พาลูกเล่น เรียนรู้ และโอบกอดแสดงความรักระหว่างกันในครอบครัว เพื่อส่งเสริมให้พัฒนาการต่าง ๆ ของเด็กดีขึ้น” รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด

อ่านข่าวเพิ่มเติม: ไต้หวันเปิดตัว “Taiwan Talent ศูนย์ให้บริการและสรรหาบุคลากรนานาชาติแบบเบ็ดเสร็จ”

มาเป็นคนแรกที่แสดงความคิดเห็น

ข่าวเด่นประเด็นร้อน

ข่าวล่าสุด 最新消息icon
回到頁首icon
Loading