:::

ไทยพร้อมเปิดใช้อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 รองรับขีดความสามารถผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น

ภาพ/นำมาจาก Render Thailand
ภาพ/นำมาจาก Render Thailand

[เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่] ตามรายงานของ “สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์”  นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (AOT) กล่าวว่า เพื่อเป็นการรองรับปริมาณผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของไทยไทยหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายลง ในวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมผู้บริหารกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะลงพื้นที่ตรวจความพร้อมการเปิดใช้งาน อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1: SAT-1) ทั้งระบบขนส่งมวลชนผู้โดยสารอัตโนมัติ หรือ ระบบ APM (Automated People Mover) ทางวิ่งเส้นทางที่ 3 ด้านตะวันตก เพื่อยืนยันความพร้อมก่อนเปิดใช้อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ช่วงปลายเดือนกันยายนนี้

อ่านข่าวเพิ่มเติม : หน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองและด่านตรวจของสิงคโปร์ได้รวมไต้หวันไว้ในระบบพิธีการศุลกากรอัตโนมัติแล้ว

ทั้งนี้ ทอท. ยืนยันความพร้อมเปิดให้บริการของอาคาร SAT-1 เต็มรูปแบบ ทั้งระบบเชื่อมโยงสัมภาระกระเป๋าเดินทางของผู้โดยสาร ระบบ APM การขนส่งผู้โดยสารจากอาคารหลักมายังอาคาร SAT-1 รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านค้าปลอดภาษี ร้านอาหาร รองรับผู้โดยสารเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยช่วง 6 เดือนแรกจะทดสอบการให้บริการในภาพรวมทั้งความพร้อมของระบบ ความพร้อมผู้บริการภาคพื้น และสายการบินต่างๆ ที่สมัครใจย้ายมาให้บริการที่อาคาร SAT-1 โดยจะมีเที่ยวบินให้บริการประมาณ 20 เที่ยวบินต่อวัน จากทั้งหมดสามารถรองรับได้ถึง 200 เที่ยวบินต่อวัน รวม 28 สะพานเทียบเครื่องบิน หรือรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นถึง 15 ล้านคนต่อปี

อ่านข่าวเพิ่มเติม : ไต้หวันอนุมัติบริษัทโอนเงินข้ามพรมแดนรายที่ 3 แรงงานเวียดนาม อินโดฯ โอนเงินกลับบ้านสะดวก

ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวด้วยว่า เพื่อสร้างความจูงใจให้สายการบินต่างๆ ย้ายมาให้บริการที่อาคาร SAT-1 ในระยะแรก ทอท.จะไม่มีการเรียกเก็บค่าบริหารจัดการเพิ่มเติม ขณะนี้เดียวกันยังออกมาตรการช่วยเหลือเพื่อดึงดูดให้สายการบินที่สนใจหันมาใช้บริการอาคาร SAT-1 มากขึ้น ช่วยแบ่งเบาความคับคั่งภายในอาคารผู้โดยสารหลักของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่สามารถรองรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ข่าวเด่นประเด็นร้อน

:::
ข่าวล่าสุด 最新消息icon
回到頁首icon
Loading