การไอเป็นปัญหาที่หลายคนพบเจอในชีวิตประจำวัน เมื่อพูดถึงการไอ หลายคนอาจนึกถึงโรคไข้หวัดทันที อย่างไรก็ตาม การไอไม่ได้เป็นเพียงสัญญาณของไข้หวัดเท่านั้น แต่ยังอาจเกิดจากหลายสาเหตุที่แตกต่างกันได้ หากการไอยังคงอยู่เกินสองสัปดาห์ ควรใส่ใจลักษณะของการไอและรีบพบแพทย์เพื่อตรวจสอบปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น ด้านล่างนี้เป็นสาเหตุ 6 ประการที่อาจทำให้เกิดการไอโรคกรดไหลย้อนก็เป็นสาเหตุของการไอได้เช่นกัน (ภาพ / จาก Heho Health)
ประการแรก โรคทางเดินหายใจและปอดเช่น วัณโรค โรคคออักเสบเรื้อรัง หลอดลมอักเสบ การอักเสบของหลอดลม และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง มักมาพร้อมกับอาการไอเสมหะและหายใจมีเสียงหวีด หากเป็นมะเร็งปอด อาจมีอาการรุนแรงเช่น ไอเป็นเลือด และหายใจลำบาก
ประการที่สอง กรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหารขึ้นมาเป็นสาเหตุที่อาจทำให้เกิดการไอได้เช่นกัน ในกรณีนี้ผู้ป่วยมักรู้สึกเจ็บหน้าอก และแน่นหน้าอก และอาจมีอาการไอไม่หยุดและเสียงแหบ กรดไหลย้อนมักจะรุนแรงขึ้นเมื่ออยู่ในท่านอน และในตอนเช้าอาจมีกลิ่นปากและปากแห้ง
ประการที่สาม การไหลย้อนของน้ำมูกเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการไอ อาจเกิดจากโรคภูมิแพ้ จมูกอักเสบเรื้อรัง หรือไซนัสอักเสบ โดยเฉพาะผู้ป่วยไซนัสอักเสบ ไม่ว่าจะเป็นไซนัสอักเสบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง อาจทำให้เกิดการไอจากการไหลย้อนของสารคัดหลั่ง
ประการที่สี่ การไอจากภูมิแพ้มักจะเกิดซ้ำ เมื่อผู้ป่วยสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ก็จะไอไม่หยุด การไอชนิดนี้มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นไข้หวัดหรือปอดอักเสบ ทำให้พลาดโอกาสในการรักษาที่ดีที่สุด และอาจพัฒนาไปเป็นโรคหืดได้ในที่สุดหาสาเหตุจากอาการไอ (ภาพ / จาก Heho Health)
ประการที่ห้า การใช้เสียงมากเกินไปหรือการมีอาการคอแห้งจะทำให้เกิดอาการบวมที่คอและการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งอาจทำให้เกิดการไอได้ นอกจากนี้ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนเนื่องจากมีอาการปากแห้งลิ้นแห้ง ก็มีโอกาสไอได้เช่นกัน
สุดท้าย โรคหืดไม่ได้มีอาการหายใจดังเสียงหวีดเป็นอาการหลักเสมอไป อาการไอเรื้อรังและแน่นหน้าอกก็เป็นอาการที่พบบ่อยเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนขณะนอนหลับ อาการนี้อาจทำให้ผู้ป่วยนอนไม่หลับ
โดยสรุป สาเหตุของการไอมีหลายประการ หากอาการไอคงอยู่นานกว่าสองสัปดาห์ ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและหลีกเลี่ยงการพลาดช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการรักษา