เมื่อเร็วๆ นี้ ตำรวจได้รับแจ้งหลายกรณีเกี่ยวกับกลุ่มมิจฉาชีพที่ปลอมตัวเป็นเภสัชกรของโรงพยาบาลพระไภษัชย์ฮวาเหลียน และร่วมมือกับการปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเน้นเป้าหมายเป็นผู้สูงอายุ ชายในกรุงเทพฯ อายุ 64 ปีที่ใช้ชื่อนายสวิน ได้รับโทรศัพท์ในเดือนกรกฎาคมจากบุคคลที่อ้างว่าเป็นเภสัชกรจากโรงพยาบาลฮวาเหลียน โกหกว่านายสวินบัตรประกันสุขภาพถูกใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาตในการรับยามา และโทรศัพท์ได้ถูกโอนต่อให้กับ "ตำรวจ" เจ้าหน้าที่ตำรวจปลอมแจ้งว่านายสวินข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล อาจถูกนำไปใช้ในการเป็นผู้ถือบัตรบัญชีอาชญากรรม ขอให้นายสวินส่งบัตรเอทีเอ็มและบอกหมายเลขรหัส PIN เพื่อตรวจสอบโดยคณะกรรมการกำกับการเงิน เชื่อถือเรื่องนี้นายสวินปฏิบัติตามคำสั่งและสูญเสียกว่า 200,000 บาท นายสวินเพิ่งรู้ตัวว่าโดนหลอกเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจปลอมโทรมาอีกครั้งและขอให้นายสวินเก็บเป็นความลับ
สำนักงานตำรวจสอบสวนระบุว่า กลุ่มมิจฉาชีพได้มุ่งเน้นการปลอมตัวเป็นองค์กรของรัฐที่เน้นการหลอกลวงผู้สูงอายุ โดยตำรวจย้ำเตือนประชาชนให้ปฏิบัติตามหลัก "3 ควร 2 ไม่" เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวง:
- 1.ควรตรวจสอบตัวตน: หากได้รับสายจากสถาบันการแพทย์หรือตำรวจ ควรปิดสายและโทรตรวจสอบไปที่หมายเลขทางการที่ตรวจสอบได้ อย่าโทรกลับไปที่หมายเลขที่ให้มาโดยผู้โทร
2.ควรปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล: ห้ามให้ข้อมูลส่วนบุคคลเช่นบัตรเอทีเอ็ม สมุดบัญชีธนาคาร รหัสผ่านธนาคารออนไลน์ หรือบัตรประชาชนแก่บุคคลที่โทรมา
3.ควรแชร์กับครอบครัวและเพื่อน: หากได้รับโทรศัพท์ที่น่าสงสัย ควรพูดคุยและปรึกษากับคนในครอบครัวเพื่อป้องกันตนเองจากการถูกหลอกลวง
4.ไม่ทำบันทึกโทรศัพท์หรือวีดีโอ: กลุ่มมิจฉาชีพมักปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและอ้างว่าจะทำบันทึกทางโทรศัพท์หรือวีดีโอโดยแสดงตราตำรวจ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจริงจะไม่ทำเช่นนี้
5.ไม่เชื่อสถานการณ์เร่งด่วน: กลุ่มมิจฉาชีพมักจะสร้างสถานการณ์เร่งด่วนเพื่อกดดันผู้เสียหายให้ทำตามคำสั่ง จงคิดอย่างมีสติและตรวจสอบว่าเรื่องที่ร้องขอมีความสมเหตุสมผลหรือไม่
ตำรวจขอให้ประชาชนที่สงสัยว่าถูกหลอกลวงโปรดติดต่อสายด่วนต่อต้านการหลอกลวง 165 หรือไปที่สถานีตำรวจใกล้บ้านทันที หลีกเลี่ยงความเชื่อเรื่องการกู้คืนเงินที่เสียไปจากอินเทอร์เน็ตเพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงอีกครั้ง