:::

เส้นทางการสอบการสอนเข้าเป็นครูในโรงเรียนรัฐของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่คนหนึ่ง

เส้นทางการสอบการสอนเข้าเป็นครูในโรงเรียนรัฐของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่คนหนึ่ง

เหลี๋ยง จินฉุน (梁金群) ถ่ายรูปร่วมกับนักเรียน 

ฉันชื่อเหลี๋ยง จินฉุน (梁金群) เป็นชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน เดินทางมาเรียนปริญญาตรี และโทสาขาวิชาภาษาจีนที่หาวิทยาลัยฟ๋งเจี่ย เมื่อ 29 ปีที่แล้ว จนในปี 1996 ก็ได้แต่งงานกับสามีชาวไต้หวัน และตั้งรกรากอยู่ในนครไถจง หลังจากเรียนจบแล้ว ก็ได้ผันตัวมาทำงานด้านวัฒนธรรมและการพิมพ์อยู่หลายปี ต่อมาในปี 2001 ก็ได้มีโอกาสโดยบังเอิญในการเป็นครูอัตราจ้างในโรงเรียนอาชีวศึกษาเอกชนแห่งหนึ่งในนครไถจง หลังจากนั้นเป็นต้นมา ฉันก็ได้เริ่มตกหลุมรักงานด้านการศึกษาที่ได้ช่วยเหลือผู้คน และคิดว่าการสอนหนังสือเป็นงานที่มีความหมายมากที่สุด จึงตัดสินใจทำอาชีพครูในที่สุด

ตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา ฉันเริ่มต้นใช้เวลาในวันหยุดในการเรียนหลักสูตรเพื่อการเป็นครูที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติเจิ้งจื่อ และใช้เวลาเรียนกว่า 2 ปี โดยไม่มีวันหยุด ขึ้นเหนือลงใต้อยู่ตลอด แล้วก็ต้องเตรียมความพร้อมสำหรับการสอบใบอนุญาติประกอบวิชาชีพครูด้วย ฉันมีความมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก ในทุกๆ วันต้องอ่านหนังสือจนถึงเที่ยงคืน และตื่นตอนตี 4 เพื่ออ่านหนังสืออีก 2 ชั่วโมง ตอนกลางวันก็ต้องทำงานตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นงานเอกสารและเป็นอาจารย์แนะแนว ฉันนอนแค่สี่ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น จนในปี 2006 ฉันสามารถสอบได้ใบอนุญาติประกอบวิชาชีพครูได้สำเร็จ ในระหว่างปี 2006 จนถึงปี 2010 ฉันยังคงเป็นครูอัตราจ้างในโรงเรียนเอกชน ในขณะเดียวกันก็เริ่มเข้าสอบการสอนเพื่อเข้าเป็นครูในโรงเรียนของรัฐ

กว่า 5 ปี ที่ต้องผ่านกระบวนการคัดกรองครูของโรงเรียนรัฐบาลที่น่าขมขื่น เป็นความทรงจำที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตของฉัน! ฉันสมัครสอบในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายครั้งแล้วครั้งเล่า ปีแล้วปีเล่า ได้ตระเวนเดินทางไปสอบที่ไถจง จางฮว่า และหนานโถว์ ลากกล่องอุปกรณ์การสอนร่อนเร่ไปมา และพบกับประสบการณ์ความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ มากมาย และทุกข์ทรมานไม่รู้จบ ทุกๆ วันต้องเรียนต้องสอนต้องเตรียมสอบ ในการสอบข้อเขียนรอบแรก ฉันมักจะขาดไปคะแนนสองคะแนน จนกระทั้งสอบผ่านสามารถเข้าสอบรอบที่สองได้ ซึ่งการสอบรอบที่สองเป็นการสอบการสอน และสอบสัมภาษณ์ ฉันสอบไม่ผ่านอยู่อย่างนั้น ซึ่งต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ นับเป็นการเดินทางที่ยาวนานจริงๆ อย่างไรก็ตามในช่วงระยะเวลาห้าปีนั้น ด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ที่แข็งแกร่งและความพากเพียรของฉัน ก็ได้เข้าสอบทั้งรอบเล็กและใหญ่ 30 กว่ารอบ ฉันบอกตัวเองซ้ำ ๆ ว่า "เมื่อล้ม ร้องไห้ ไม่เป็นไร ฉันก็จะลุกขึ้นได้อีกครั้ง!"

จนกระทั้งมาถึงการสอบรอบสองครั้งหนึ่งที่ฉันจะไม่มีวันลืม ที่ทำให้ฉันคิดล้มเลิกการสอบการสอนเพื่อเป็นอาจารย์ในโรงเรียนของรัฐ!การสอบรอบสองในเวลานั้น หลังจากสอบเสร็จก็รู้ว่าตนต้องไม้ผ่านแน่ๆ ฉันพูดภาษากวางตุ้งตั้งแต่เด็ก แม้ว่าฉันจะฝึกฝนอย่างหนักทุกวัน บังคับตัวเองให้อ่านออกเสียงภาษาจีนกลางทุกวัน เตือนตัวเองให้ระมัดระวังไม่ให้หลุดสำเนียงกวางตุ้ง แต่บางครั้งก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงสำเนียงของตนเอง ท้ายที่สุดก็โดนปฎิเสธ! เมื่อคณะกรรมการการสอบการสอนมีรอยยิ้มที่คลุมเครือและมีหน้าตาที่สงสัยถามฉันว่า “ครูเหลี๋ยง คุณเป็นนักเรียนชาวจีนโพ้นทะเลหรือปล่าว?” ฉันรู้ทันทีว่าหมดหนทาง! ฉันทำมันพังอีกแล้ว!

และการสอบสัมภาษณ์ครั้งสุดท้าย ก็ทำให้เส้นทางการสอบการสอนของฉันสิ้นสุดลง โดยภาพนั้นไม่มีวันลืมยังคงอยู่ในใจของฉัน และมันก็เป็นความเจ็บปวดในหัวใจของฉันเสมอ! ซึ่งตอนนั้นมีคณะกรรมการคนหนึ่งหัวเราะขึ้นมาและพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงขี้เล่น: "คุณมาจากมาเลเซียคุณควรเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ! ทำไมคุณถึงเป็นครูสอนภาษาจีน" ฉันรู้สึกโมโหว่า ทำไมตัวเองต้องเรียนสาขาวิชาภาษาจีน? ในที่สุดฉันก็เข้าใจว่า จริงๆ แล้วการเป็นคนมาเลเซีย และจะเป็นครูสอนภาษาจีนในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายของรัฐ ยังถูกมองโดยทัศนคติที่ว่า “คนมาเลเซียไม่เหมาะเป็นอาจารย์สอนภาษาจีน” มันเป็นงานที่เป็นไปไม่ได้!

การสอบในช่วงเวลา 5 ปีที่ยากลำบาก พบกับความผิดหวังมากว่า 30-40  กว่ารอบ มันเป็นแค่เรื่องตลก! ฉันโง่เกินไปจริงๆ มองไม่เห็นจุดด้อยของตนเอง!

ฉันต้องเสียเวลาและเงินไปกับการสมัครสอบ ทุกวันหลังเลิกงานฉันกลับบ้านก็ต้องตั้งใจอ่านหนังสืออย่างหนักจนดึก แม้ว่าฉันจะเป็นครูที่ห่วงใย แม้ว่าฉันจะรักการสอนขนาดไหน แล้วทำไงได้ล่ะ? ทุกคนมีสิทธิที่จะพูด เมื่อเค้าถามฉันว่า "คุณเป็นชาวมาเลเซีย คุณเหมาะสมที่จะเป็นอาจารย์สอนภาษาจีนหรือไม่" บางทีอาจจะเป็นการพูดนัยๆ ว่า "คุณมีสำเนียงกวางตุ้งเวลาพูดภาษาจีนกลาง คุณยังต้องการเป็นอาจารย์สอนภาษาจีนอีกหรอ" ใช่! แม้ว่าคุณจะจบการศึกษาปริญญาโทสาขาวิชาภาษาจีน แม้ว่าคุณจะได้รับรางวัลวรรณกรรมของกระทรวงศึกษาธิการ แม้ว่าคุณจะเคยรับรางวัลครูต้นแบบ แม้ว่าคุณจะเคยได้รับรางวัลด้านการศึกษา เค้าก็จะยังคงเรียกคุณว่า “เจ้าสาวชาวต่างชาติ!” ทรรศนคติลบยังคงมีอยู่ จริงๆ แล้วคุณแพ้ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว!

อะไรคือเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ฉันต้องพ่ายแพ้? ฉันก็ยังหาคำตอบไม่ได้! อะไรคือสิ่งที่ยุติธรรมในโลกนี้? ฉันคิดว่ามันไม่ยุติธรรม แต่ทำไงได้ ในที่สุดฉันก็คิดได้! เพราะว่าตัวตนของฉันเป็นแบบนี้ไม่สามารถเอามันออกไปได้ ฉันจึงคิดว่าฉันควรจะทนต่อไปหรือไม่? ชีวิตเป็นเรื่องยากมาก ต้องมีความกล้าหาญที่จะเดินต่อไป จนกระทั่งในปี 2010 ฉันได้ละทิ้งเส้นทางการสอบการสอน เป็นการสิ้นสุดชีวิตที่น่าเศร้าตลอดระยะเวลากว่า 5 ปี

ปัจจุบันเหลี๋ยง จินฉุน (梁金群) เป็นครูสอนภาษาจีนที่โรงเรียนเอกชนมัธยมอี๋หนิ๋งในนครไถจง

 

วันนี้ฉันรู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่งต่อโรงเรียนเอกชนสองแห่งที่ยินดีที่จะ "ยอมรับ" ฉัน ฉันขอบคุณพวกเขาที่ให้โอกาสฉันได้อุทิศตัวเอง! ฉันเป็นครูอยู่ในโรงเรียนเอกชนเป็นเวลา 18 ปีและฉันอาศัยอยู่ในไต้หวันเป็นเวลา 29 ปี ด้วยความก้าวหน้าของสังคมไต้หวันและการดำเนินการตามนโยบายมุ่งใต้ใหม่ของรัฐบาลไต้หวัน ในที่สุดผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ใหม่ได้รับความเคารพมากขึ้น! ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง

ฉันสามารถพูดได้อย่างภาคภูมิใจว่าฉันไม่เสียใจเลย! เพราะฉันพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อสอนนักเรียนของฉัน และฉันก็รักพวกเขาเป็นอย่างมาก!ฉันภูมิใจที่ฉันเป็นครูสอนภาษาจีนจากมาเลเซีย!

ผู้เขียน เหลี๋ยง จินฉุน

2

มาเป็นคนแรกที่แสดงความคิดเห็น

ข่าวเด่นประเด็นร้อน

ข่าวล่าสุด 最新消息icon
回到頁首icon
Loading