ศูนย์บัญชาการแพร่ระบาดกลาง ประกาศเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมว่า มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันใหม่ 14 ราย แบ่งเป็น ผู้ติดเชื้อในประเทศ 12 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศอีก 2 ราย ในวันนี้มีผู้ที่ได้รับการยืนยันเสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย
1 ส.ค. มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 14 ราย! "2 ราย เดินทางเข้ามาจากอินเดียและเม็กซิโก" อีก 12ราย เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ／ภาพจาก กรมควบคุมโรค
ตามรายงานของศูนย์บัญชาการ พบผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศจำนวน 12 ราย (6 ราย อยู่ในช่วงการกักตัวหรือได้รับการทดสอบล่วงหน้าก่อนวันหมดอายุของการกักตัว) เป็นชาย 7 ราย และหญิง 5 ราย อายุน้อยกว่า 5 ถึง 60 ปี วันที่เริ่มมีอาการคือระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม ถึง 31 กรกฎาคม ปีนี้ (2021) โดยเมืองนิวไทเปมีผู้ติดเชื้อเยอะสุด 6 ราย รองลงมาคือในเมืองไทเป 4 ราย ในเมืองเถาหยวนและเมืองไทจง อย่างละ 1 ราย มีผู้ติดเชื้อ 8 ราย ทราบแหล่งที่มาของการติดเชื้อ 1 ราย ไม่ทราบแหล่งที่มาของการติดเชื้อ และ 3 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวน การสอบสวนการติดเชื้อกำลังดำเนินการต่อเนื่อง
ศูนย์บัญชาการชี้แจงว่า ในวันนี้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ได้แก่ กรณีที่ 13058 เป็นชาย อายุ 70 ปี มีประวัติเป็นโรคเรื้อรัง ไม่มีประวัติติดต่อหรือไทม์ไลน์เกี่ยวกับกลุ่มเสี่ยง หลังการตรวจคัดกรองแบบไม่แสดงอาการเป็นบวกในวันที่ 12 มิถุนายนได้ไปกักตัวแยกที่สถานีกักกัน เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน เขาได้รับการวินิจฉัยว่าตือเชื้อ ในวันเดียวกันนั้นก็มีอาการหายใจลำบากและมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และเสียชีวิตในวันที่ 29 กรกฎาคม ส่วนกรณีที่ 15732 เป็นชาย อายุ 60 ปี มีประวัติเป็นโรคเรื้อรัง และมีประวัติติดต่อกับผู้ป่วยยืนยันรายอื่น ๆ เขาเข้ารับการตรวจเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลโดยมีผลตรวจเป็นบวกในวันที่ 28 กรกฎาคม เขาได้รับการวินิจฉัยเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม และเสียชีวิต เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม
อ่านข่าวเพิ่มเติม: กรมตรวจคนเข้าเมืองได้ออกมาตรการที่สะดวกและเป็นมิตรสำหรับชาวต่างชาติ ขยายเวลาใบอนุญาตที่อยู่อาศัยอัตโนมัติ
ศูนย์บัญชาการชี้ให้เห็นว่า ในบรรดาผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันจำนวน 14,463 ราย ที่ประกาศตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม ถึง 30 กรกฎาคมรักษาหายแล้ว 12,879 ราย คิดเป็น 89.0% ของผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยัน
ศูนย์บัญชาการระบุว่า ในวันนี้มีผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 2 ราย ได้แก่ กรณีที่ 15786 เป็นชาย สัญชาติไต้หวัน อายุ 40 ปี เดินทางกลับไต้หวันจากอินเดียเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม โดยมีรายงานผลการทดสอบเป็นลบภายใน 3 วันก่อนขึ้นเครื่อง หลังจากเข้าประเทศแล้วได้ไปกักตัวที่สถานีกักกันแบบรวม และผลการตรวจก่อนสิ้นสุดการกักตัวออกมาเป็นลบ เนื่องจากจำเป็นต้องเดินทางออกนอกประเทศ ผู้ป่วยได้รับการตรวจสอบโดยออกค่าใช้จ่ายเองเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม และการวินิจฉัยได้รับการยืนยันในวันนี้ว่าติดเชื้อ กรณีนี้ไม่มีอาการในระหว่างที่เขาอยู่ในไต้หวัน ปัจจุบันมีรายชื่อผู้ติดต่อจำนวน 23 ราย ซึ่งทั้งหมดอยู่ในรายการกักตัวแยกที่บ้าน และเตรียมดำเนินการตรวจสอบร่างกาย ส่วนกรณีที่ 15794 เป็นชาย อายุ 30 ปี สัญชาติไต้หวัน เขาเดินทางกลับไต้หวันจากเม็กซิโกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม โดยมีรายงานผลการทดสอบเป็นลบภายใน 3 วันก่อนขึ้นเครื่อง หลังเดินทางมาถึงไต้หวัน เขาได้ไปกักตัวที่โรงแรมต้านการแพร่ระบาด ผลตรวจในวันนั้นเป็นลบ ในวันที่ 28 กรกฎาคม กรณีนี้มีอาการปวดหัว และมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ต่อมาในวันที่ 31 กรกฎาคม ได้เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาล และผลการวินิจฉัยได้รับการยืนยันในวันนี้ว่าติดเชื้อ
อ่านข่าวเพิ่มเติม: วัคซีนตามความสมัครใจ "แรงงานข้ามชาติก็ลงทะเบียนนัดได้" กระทรวงแรงงานจัดทำข้อมูลหลายภาษาอธิบายทีละขั้นตอน
จากสถิติของศูนย์บัญชาการแพร่ระบาดของโรค ขณะนี้ในประเทศมีผู้ติดเชื้อแล้วทั้งหมด 2,063,516 ราย (ไม่รวม 2,046,258 ราย ในจีนแผ่นดินใหญ่) ซึ่งมีผู้ติดเชื้อสะสมในไต้หวันจำนวน 15,688 ราย ประกอบด้วย ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศจำนวน 1,269 ราย ผู้ติดเชื้อในประเทศ 14,366 ราย ผู้ติดเชื้อจากกองเรือตุนมู่ (敦睦) 36 ราย ผู้ติดเชื้อบนเครื่องบิน 2 ราย ไม่ทราบสาเหตุอีก 1 ราย อยู่ในระหว่างการตรวจสอบแหล่งที่มาของเชื้อ 14 ราย ยอดรวมหมายเลขว่างทั้งหมด 108 ราย ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั้งหมด 789 ราย แบ่งเป็น เสียชีวิตจากจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศ 781 ราย ได้แก่ ในเมืองนิวไทเป 393 ราย ในเมืองไทเป 296 ราย ในเมืองจีหลง 27 ราย ในเมืองเถาหยวน 24 ราย ในเขตจางฮั่ว 14 ราย เขตซินจู๋ 11 ราย ในเมืองไถจง 4 ราย เขตเหมียวลี่ 3 ราย เขตอี๋หลานและเขตฮัวเหลียน อย่างละ 2 ราย เขตไถตง เขตอวิ๋นหลิน เขตหนานโถว และเมืองเกาสง อย่างละ 1 ราย อีก 8 ราย เป็นผู้เสียชีวิตจากผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ
ศูนย์บัญชาการเรียกร้องให้ประชาชนใช้มาตรการป้องกันส่วนบุคคล เช่น สุขอนามัยของมือ มารยาทในการไอ และการสวมหน้ากากอนามัย พร้อมลดการเคลื่อนไหวกิจกรรมหรือการชุมนุมที่ไม่จำเป็น หลีกเลี่ยงการเข้าและออกจากสถานที่แออัดหรือบริเวณที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ และให้ความร่วมมืออย่างจริงจังกับมาตรการต่อต้านการแพร่ระบาดต่างๆ ทั้งปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันของชุมชนอย่างเคร่งครัด
