ด้วยตั๋วพนันแข่งม้า หลิวหมิงข่าย (劉洺愷) ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวสิงคโปร์ ได้เดินทางมาสานฝันในการเป็น Baker หรือ เชฟทำขนมปังที่ไต้หวัน โดยเขาได้เปิดสตูดิโอของหวานชื่อ Ah Bee Cakery ปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในเชฟทำขนมปังชาวสิงคโปร์ในไต้หวันเพียงไม่กี่คน
เส้นทางของการเป็นเชฟทำขนมปัง
หลิวหมิงข่าย เมื่อตอนเป็นเด็กเขาเป็นเด็กที่เกเรมาก เขาแถบไม่สนใจอะไรเลย แต่สุดท้ายคลาสเรียนทำอาหารในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นทำให้เขาค้นพบความชอบในการทำขนมอย่างคาดไม่ถึง
“ฉันจำได้ว่าหลักสูตร 5 วันนั้น ฉันตั้งใจเรียนทุกวัน” สิ่งที่หลิวหมิงข่ายประทับใจมากที่สุดคือการทำบราวนี่ในวันสุดท้ายของหลักสูตร ตั้งแต่การเตรียมส่วนผสม เข้าเตาอบ จนออกมาเป็นบราวนี่สำเร็จรูป ในตอนท้ายยังได้รับคำชมจากคุณครูผู้สอนด้วย นี่ทำให้เขารู้สึกประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ตั้งแต่นั้นมาทุกวันเสาร์อาทิตย์เขาได้ฝึกทำบราวนี่ที่บ้านตลอด เมื่อมีเวลายังได้ไปหาอ่านวิธีการทำขนมจากห้องสมุดเพิ่มเติม จากนั้นก็นำมาปรับสูตรให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
พ่อแม่ของหลิวหมิงข่ายหวังเพียงว่าเด็กเกเรคนนี้จะไม่สร้างปัญหาให้กับพวกเขา แต่ไม่คิดไม่ฝันว่ายังได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงและความสำเร็จของเขามากขนาดนี้
“ฉันคิดว่าจะทำอะไรนั้นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือคุณชอบหรือเปล่า แล้วคุณได้พยายามทำมันอย่างเต็มที่ไหม ฉันคิดว่าแบบนี้ถึงจะมีความหมาย”
อ่านข่าวเพิ่มเติม: ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวแคนาดา สวมชุดกี่เพ้าเดินเที่ยวชมสัมผัสบรรยากาศเทศกาลตรุษจีนในไทเป
บุญสัมพันธ์กับไต้หวัน
หลิวหมิงข่ายและภรรยาชาวไต้หวันได้รู้จักกันทางอินเทอร์เน็ต ตอนนั้นทั้งสองมีเป้าหมายว่าอยากจะแต่งงานจึงได้คบหาดูใจกันนานกว่า 3 ปี ในที่สุดพวกเขาก็ได้แต่งงานและย้ายมาตั้งรกรากในไต้หวัน ปัจจุบันพวกเขามีบุตรที่น่ารักอยู่ 2 คน
หลิวหมิงข่าย (劉洺愷) และครอบครัว ภาพ/จาก หลิวหมิงข่าย (劉洺愷)
เมื่อตอนที่หลิวหมิงข่ายเป็นทหารเกณฑ์ในสิงคโปร์ เขาชอบรายการวาไรตี้ “Kangsi Coming” ของไต้หวันมาก ๆ และไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะได้รับคำเชิญให้ไปลองทำอาหารในรายการ ในตอนนั้นทำให้เขาและคุณเฉาซีผิง (曹西平) แขกของรายการ “Kangsi Coming” ได้รู้จักกัน ปัจจุบันได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันอย่างคาดไม่ถึง คุณเฉาฯ ไม่เพียงแต่สั่งขนมและแนะนำขนมของหลิวหมิงข่ายให้กับแฟน ๆ ได้รู้จักเท่านั้น แต่เขายังสอนหลิวหมิงข่ายในด้านการใช้ชีวิตและการทำงานหลายอย่างอีกด้วย
จิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการอมตะของคุณปู่
ชื่อสตูดิโอ Ah Bee Cakery ตั้งตามชื่อคุณปู่ของหลิวหมิงข่าย โดยในตอนเด็กคุณปู่และคุณย่าเป็นคนเลี้ยงเขามา พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ๆ และเขายังได้รับอิทธิพลจากคุณปู่เป็นอย่างยิ่ง เพราะคุณปู่มักเตือนเขาเสมอว่า อย่าโกหก พูดตรง ๆ ต้องจริงจัง และตั้งใจกับงานที่ตนทำเสมอ บางครั้งคุณปู่ยังถามเขาด้วยว่า “ทำไมเดินไม่ใส่รองเท้า ทำไมเดินหลังค่อม” เมื่อพูดถึงคุณปู่ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคำขอบคุณ
Ah Bee Cakery สตูดิโอเบเกอรี่ในตั้นสุ่ย ภาพ/จาก หลิวหมิงข่าย (劉洺愷)
สร้างสรรค์ขนมให้มีความเป็นเอกลักษณ์
เมนู “ชิฟฟ่อนใบเตย” ของที่นี่ ใช้ใบเตยจากเกษตรกรรายย่อยในไต้หวัน เมนูนี้ถือเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน ทั้งยังเป็นรสต้นตำรับแท้ ๆ ของสิงคโปร์ด้วย ในช่วงนี้หลิวหมิงข่าย พยายามคิดค้นสูตรในการนำเผือกบดสไตล์ไต้หวันมาผสมให้เข้ากับชิฟฟ่อนใบเตยสไตล์สิงคโปร์ ซึ่งเกิดแรงบันดาลใจขณะเดินซื้อของที่ตลาดสด นอกจากนี้ เมนู “เค้กมะม่วงใบโหระพา” ยังเป็นเมนูที่น่าสนใจของทางร้านอีกเมนู โดยมีการนำผลไม้ในท้องถิ่นมาผสมผสานกับกลิ่นหอมของใบโหระพา เพื่อสร้างรสชาติที่มีความเป็นเอกลักษณ์และแปลกใหม่
ขั้นตอนการทำเค้ก ภาพ/จาก หลิวหมิงข่าย (劉洺愷)
เมนูที่ถ่ายถอดความเป็นสิงคโปร์ “ชิฟฟ่อนใบเตย” ภาพ/จาก หลิวหมิงข่าย (劉洺愷)
อ่านข่าวเพิ่มเติม: ชาวสวิสที่เกิดและเติบโตในไต้หวันชอบภาพยนต์ท้องถิ่นไต้หวัน หลายฉากในเรื่องทำเอาเขาน้ำตาตกไปด้วย
ส่งต่อความรักสู่รุ่นถัดไป
ในอนาคต หลิวหมิงข่ายหวังอยากจะเปิดร้านกาแฟที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแบบสิงคโปร์ในเขตตั้นสุ่ย และเป้าหมายสูงสุดคือการนำแบรนด์ของตัวเองไปเปิดที่สิงคโปร์ พร้อมกันนี้เขายังต้องการที่จะตอบแทนสังคมและช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสตามรอยจิตวิญญาณของคุณปู่
ลูกชายของหลิวหมิงข่าย (劉洺愷) ช่วย Ah Bee Cakery ถ่ายภาพโปรโมต ภาพ/จาก หลิวหมิงข่าย (劉洺愷)
ปัจจุบันเขาวางแผนที่จะนำขนมที่ทำสดใหม่ไปมอบให้กับบ้านเด็กด้อยโอกาสทุกเดือน เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ลิ้มลองขนมรสชาติอร่อย ๆ ในอนาคตทางสตูดิโอจะเปิดให้น้อง ๆ ที่สนใจทำขนมมาเป็นนักศึกษาฝึกงานด้วย เพราะหลิวหมิงข่ายเขาได้ผ่านช่วงวัยรุ่นที่ดื้อรั้นมาและหวังว่าจะมีโอกาสได้ให้กำลังใจคนรุ่นต่อไปด้วยความรักและมิตรภาพ
“ไม่มีอะไรดีที่สุด มีแต่ดีกว่าเดิม” นี่เป็นคติประจำใจของหลิวหมิงข่าย ในช่วงแรก ๆ ของการเริ่มต้นธุรกิจ เขาได้นอนเพียง 4-5 ชั่วโมงต่อวันเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ติดต่อกัน และความเจ็บปวดจากการจากไปของญาติสนิท อีกทั้งผลกระทบจากโรคระบาด เขายืนหยัดเดินหน้าต่ออย่างไม่ย่อท้อ หลิวหมิงข่ายโชคดีมากที่มีเพื่อนและลูกค้าชาวไต้หวันและสิงคโปร์จำนวนมากคอยช่วยเหลือเขา ในอนาคต เขาหวังว่าด้วยความรักของภรรยาและลูก ๆ ของเขา จะเป็นแรงผลักดันให้เขาเดินหน้าทำฝันให้เป็นจริงต่อไป