เมื่อวันที่ 5พ.ค.ที่ผ่านมา นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม ให้สัมภาษณ์หลังการลงพื้นที่ตรวจติดตามความพร้อมการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง - บางแค และเตาปูน - ท่าพระ ณ สถานีสนามไชย โดยมี นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) คณะผู้บริหาร รฟม. และผู้บริหารบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (บีอีเอ็ม) ร่วมด้วยว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงเตาปูน - ท่าพระ ระยะทางรวมประมาณ 27 กม. โดยรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง – บางแค อยู่ระหว่างเร่งติดตั้งระบบรถไฟฟ้า (M&E Work) ที่คืบหน้าไปกว่าร้อยละ 89.73 ดังนั้นจึงให้ความมั่นใจกับผู้โดยสารว่าจะเปิดให้บริการทดลองเดินรถเสมือนจริงครั้งแรกที่ให้ประชาชนใช้บริการฟรีในวันที่ 12 ส.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันสำคัญพิเศษสำหรับชาวไทย และจะสิ้นสุดการรอคอยกันมานานหลายปี ที่จะเห็นรถไฟฟ้าวิ่งลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา จากนั้นเมื่อได้รับคำยืนยันเรื่องความปลอดภัยแล้วคาดว่าจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ภายในเดือนก.ย.62
สำหรับส่วนต่อขยายช่วงเตาปูน - ท่าพระ มีการติดตั้งระบบรถไฟฟ้าคืบหน้า ร้อยละ 68.69 โดยจะเปิดทดลองเดินรถเสมือนจริงที่ให้ประชาชนใช้บริการฟรีในวันที่ 1 ม.ค.63 เป็นของขวัญปีใหม่ และเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ภายในเดือนมี.ค.63 ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นจะเห็นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินวิ่งครบเป็นวงกลม และเมื่อรวมส่วนต่อขยายทั้ง 2 ส่วนก็จะมีความยาวรวม 48 กม.และมีทั้งหมด 38 สถานี อย่างไรก็ตามเชื่อว่ารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินนี้จะมีความสำคัญมากเพราะวิ่งเป็นวงกลม ซึ่งจะช่วยลดความแออัดช่วงเช้าเย็นบริเวณสถานีสยามสแควร์และสถานีสุขุมวิทจะลดลงเพราะผู้โดยสารจะมีทางเลือกมากขึ้น และเมื่อสายสีน้ำเงินเปิดเดินรถครบจะส่งผลให้ผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วงเพิ่มขึ้นด้วย เพราะสามารถเชื่อมต่อไปยังสถานที่อื่นได้สะดวกขึ้น ทั้งนี้คาดว่าปริมาณผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นจากประมาณ3.6 แสนคนต่อวันเป็น 8 แสนคนต่อวันเมื่อเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินครบทั้งระบบ
สำหรับกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าค่าโดยสารรถไฟฟ้าของไทยแพงมากกว่าประเทศสิงโปร์ และมีข้อเสนอให้ปรับลดลง5-10 บาทจะมีการพิจารณาหรือไม่ นายไพรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้จะมอบให้กรมการขนส่งทางรางไปศึกษารายละเอียดว่าควรจะดำเนินการอย่างไร แต่เบื้องต้นเห็นว่าเป็นอัตราที่เหมาะสม ยุติธรรม สะดวกปลอดภัยและรวดเร็ว โดยการใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงต่อด้วยรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจะจ่ายค่าโดยสารตลอด 2 สายในราคา 70 บาท หากขึ้นสายเดียวจะอยู่ที่ 42 บาท ขณะที่การขึ้นระจักรยานยนต์(จยย.)รับจ้างก็ตกครั้งละ20บาทแล้วและคิดว่า รฟม.ควรจัดโปรโมชั้นสำหรับตั๋วเดือนในราคาถูกเช่นเดียวกันต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมการใช้บริการประจำ แต่หากใช้บริการนานๆครั้งก็ขอความกรุณาจ่ายตามอัตราปกติ เพราะการลงทุนใช้ค่าใช้จ่ายสูงมาก ส่วนอัตราค่าโดยสารของสายสีเขียวและสายสีน้ำเงินซึ่งเชื่อมต่อกันได้แต่หลายคนมองว่าค่าโดยสารแพงจะปรับลดหรือไม่นั้นคงเป็นเรื่องยากเพราะเป็นรถ 2 ระบบที่แยกจากกันชัดเจน แต่ในอนาคตกรมการขนส่งทางรางอาจจะพิจารณาค่าโดยสารรถไฟฟ้าทั้งระบบได้
รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมีลักษณะเชื่อมต่อกันเป็นวงแหวนขนาดใหญ่ หรือ Circle Line ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน และเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างฝั่งธนบุรีกับฝั่งพระนครให้มีความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินยังมีจุดเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ได้แก่ รถไฟ รถไฟฟ้า รถโดยสาร และเรือโดยสาร เพื่อช่วยลดความแออัดของการจราจรบนถนนสายสำคัญๆ ในเขตเมืองได้เป็นอย่างดี ส่วนการจัดหาขบวนรถไฟฟ้านั้น บริษัทผู้ผลิตจะขนส่งรถไฟฟ้า 4 ขบวนใหม่ (3 ตู้ต่อขบวน) มาถึงไทยภายในสัปดาห์นี้ และจะทยอยส่งมอบอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนก.ค.62 จะมีขบวนรถเพิ่มเป็น 10 ขบวน เดือนก.ย.62 จะมีขบวนรถเพิ่มเป็น 16 ขบวน และในเดือนมี.ค.63 จะมีขบวนรถครบทั้งหมด 35 ขบวน
ข้อมูลข่าวจาก เดลินิวส์