[เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่] ตามข้อมูลจากบทความสุขภาพของ “เว็บไซต์โรงพยาบาลพยาไท” หากพูดถึงมะเร็งในผู้หญิง เราคงนึกถึง มะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูก แต่อีกหนึ่งโรคมะเร็งอย่าง “มะเร็งรังไข่” ก็ถือเป็นอีกหนึ่งภัยอันตรายที่สาวๆ ต้องเฝ้าระวัง เพราะมักไม่มีสัญญาณเตือน หรืออาการบ่งชัด แต่สามารถรู้ทันป้องกันโรคด้วยการตรวจภายใน หรือทำอัลตราซาวด์อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เนื่องจากไม่สามารถระบุสาเหตุการเกิดได้อย่างแน่ชัด แต่ปัจจัยต่างๆ ต่อไปนี้ ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้
1. เริ่มมีปจด.ก่อนอายุ 12 ปี หรือปจด.หมดช้ากว่าอายุ 55 ปี หากฮอร์โมนเอสโตรเจนถูกผลิตมากเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งรังไข่ได้
2. มีคนในครอบครัว หรือญาติสายตรงเป็นมะเร็งรังไข่ หรือมะเร็งเต้านม
3. ตรวจพบยีนกลายพันธุ์ในกลุ่ม BRCA1 และ BRCA2 จากการตรวจเลือด ซึ่งหากพบความผิดปกติ อาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม ที่ถูกถ่ายทอดทางพันธุกรรม
4. ผู้ที่มีบุตรยาก และมีการใช้ยากระตุ้นการตกไข่นานต่อเนื่องเกินกว่า 12 เดือน
5. เคยมีประวัติเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งลำไส้มาก่อน
6. ผู้ที่ยังไม่เคยตั้งครรภ์ หรือมีบุตรมาก่อน
7. มีประวัติการรักษาเยื่อบุโพรงมดลูกขึ้นผิดที่
อ่านข่าวเพิ่มเติม:อย.ไต้หวัน เผยสินค้าไม่ผ่านเกณฑ์ความปลอดภัย พบบะหมี่สำเร็จรูปเวียดนามปนเปื้อนสารก่อมะเร็ง!
ตามรายงานจาก “เว็บไซต์โรงพยาบาลพยาไท” ระบุว่า มะเร็งรังไข่มักจะไม่ค่อยแสดงอาการ แต่คุณผู้หญิงสามารถเริ่มต้นสังเกตุด้วยตนเองได้ง่ายๆ ดังนี้ มีอาการท้องอืด แน่นท้อง ท้องบวม หรือท้องแข็ง ปวดท้องน้อย หรืออุ้งเชิงกราน คลำพบก้อนบริเวณท้องน้อย ปัสสาวะบ่อยครั้ง หรือกลั้นไม่อยู่ รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ เบื่ออาหาร หรือรับประทานอาหารได้น้อยลง น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
เราสามารถลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งรังไข่ ด้วยการดูแลตัวเองด้วยวิธีง่ายๆ เริ่มต้นจากการหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ รับประทานอาหารโดยเน้นให้มีผักและผลไม้เป็นประจำ ในทุกๆมื้อ และทุกๆ วัน หลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมันจากสัตว์ เพราะในบางครั้งหากรับประทานเนื้อสัตว์มากๆ ก็เป็นปัจจัยร่วมในการก่อให้เกิดมะเร็งรังไข่ได้ ที่สำคัญต้องไม่ลืมตรวจสุขภาพประจำปี และหมั่นตรวจภายในอย่างสม่ำเสมอ
อ่านข่าวเพิ่มเติม:แพทย์เตือน! การทานอาหารสุกๆ ดิบๆ เสี่ยงพยาธิขึ้นตา อันตรายถึงชีวิต