ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์รายงานว่า ดัชนีรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์หมวดที่อยู่อาศัยในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 อยู่ที่ 76.8 ลดลงจากปีก่อนหน้า -3.2% สะท้อนยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยที่ลดลง -3% อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเริ่มแสดงสัญญาณที่น่าสนใจ ด้วยการปรับตัวดีขึ้นของดัชนีความเชื่อมั่นการซื้อที่อยู่อาศัย (HPCI) ซึ่งเพิ่มจาก 39.6 ในไตรมาสที่ 2 เป็น 40.5 ในไตรมาสที่ 3 แม้จะยังต่ำกว่าค่ากลางที่ 50 จุด
รายงานระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการขยายตัวของ GDP ในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้น 3.0% ส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยเริ่มกลับมามีความเคลื่อนไหว ผู้ประกอบการเริ่มพัฒนาโครงการในช่วงราคาที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ โดยเฉพาะในช่วงราคาต่ำกว่า 7 ล้านบาท นอกจากนี้ ความนิยมในบ้านมือสองเพิ่มขึ้นจาก 8.3% ในไตรมาสที่ 2 เป็น 10.0% ในไตรมาสที่ 3
กลุ่มผู้บริโภคที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงนี้คือกลุ่มอายุ 25-34 ปี โดยเฉพาะเพศหญิงที่มีความเชื่อมั่นสูงกว่าเพศชาย ซึ่งสะท้อนถึงการมองเห็นที่อยู่อาศัยเป็นสินทรัพย์ที่มั่นคง บ้านเดี่ยวในช่วงราคา 3.01–5.00 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมในช่วงราคา 2.01–3.00 ล้านบาท ยังคงเป็นที่ต้องการสูงความนิยมในบ้านมือสองเพิ่มขึ้นจาก 8.3% ในไตรมาสที่ 2 เป็น 10.0% ในไตรมาสที่ 3
แม้ว่าดัชนีรวมยังคงลดลง แต่การปรับตัวของตลาดที่อยู่อาศัยเริ่มมีแนวโน้มที่ดี หากเศรษฐกิจยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง อสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีศักยภาพที่จะกลับมาคึกคักและเติบโตได้ในอนาคต นักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จึงไม่ควรมองข้ามสัญญาณบวกนี้ ซึ่งอาจนำไปสู่การเติบโตอย่างมั่นคงในตลาดที่อยู่อาศัยในระยะยาว