img
:::

นอนไม่หลับ, ท้องอืด, จิตใจอ่อนแอ? เอาชนะความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติด้วย 3 วิธีนี้

คนยุคใหม่จำนวนมากมีปัญหาความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ (ภาพ/Heho Health)
คนยุคใหม่จำนวนมากมีปัญหาความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ (ภาพ/Heho Health)

คนยุคใหม่มักประสบกับอาการเช่น เหนื่อยล้า ง่วงนอน ปวดท้อง หรือท้องเสีย เนื่องจากความไม่สมดุลทางอารมณ์ที่ยาวนาน ความเครียดจากการทำงาน และการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต ปัญหาเหล่านี้สามารถจัดว่าเป็น "ความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ" ระบบประสาทอัตโนมัติประกอบด้วยประสาทซิมพาเทติกและพาราซิมพาเทติก ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการทำงานทางสรีรวิทยาหลายอย่าง เช่น หัวใจ ปอด และทางเดินอาหาร ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ด้วยจิตสำนึก แพทย์แผนจีนชี้ให้เห็นว่าเมื่อจังหวะชีวิตเร็วขึ้น หลายคน โดยเฉพาะผู้ที่มีบุคลิกแบบ A มักจะประสบกับความเครียดและความเหนื่อยล้าภายใน จนทำให้เกิดความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติคนที่มีบุคลิกแบบ A มักเป็นกลุ่ม "ความเสี่ยงสูง" ในการเกิดความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ (ภาพ/Heho Health)

แพทย์กล่าวว่า อาการของความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติแตกต่างกันไปในแต่ละคน บางคนมีอาการปวดหัว ใจสั่น ขณะที่บางคนมีอาการไม่สบายในระบบทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย หรือท้องผูก บุคลิกแบบ A ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องการแสวงหาความสมบูรณ์แบบและความเร่งรีบ มักตอบสนองต่อแรงกดดันอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะเกิดอาการที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ การจัดการความเครียดและเทคนิคการผ่อนคลายมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปรับปรุงอาการ และการออกกำลังกาย เช่น การเดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาความเครียด ช่วยเพิ่มระดับเซโรโทนินและผ่อนคลายอารมณ์ตึงเครียด การใกล้ชิดกับธรรมชาติและเชื่อมโยงกับดอกไม้ ต้นไม้ และทะเลก็สามารถช่วยบรรเทาความเครียดได้เช่นกันการใกล้ชิดธรรมชาติเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการคลายความเครียด (ภาพ/Heho Health)

มีการแนะนำ 3 วิธีหลักในการปรับปรุงความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ: ประการแรก การหายใจทางหน้าท้องซึ่งฝึกได้ในตอนเช้าและก่อนนอน โดยการหายใจเข้าลึก ๆ ทางจมูกและหายใจออกทางปากเพื่อช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย ประการที่สอง การออกกำลังกายคลายความตึงเครียดที่คอ โดยการก้มศีรษะและหมุนศีรษะไปทางซ้ายขวา สามารถบรรเทาความตึงเครียดที่คอและไหล่ และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ควบคู่ไปกับการประคบร้อนที่คอและรอบดวงตา สามารถบรรเทาความตึงเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประการที่สาม การบรรเทาความเครียดด้วยอาหาร ด้วยการรับประทานอาหารที่สมดุลจะช่วยปรับปรุงอาการได้ แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ และถั่ว ซึ่งมีทริปโตเฟนที่ช่วยในการผลิตสารสื่อประสาทและทำให้อารมณ์คงที่

นอกจากนี้ การบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียมและแคลเซียม เช่น นมและงา ยังช่วยผ่อนคลายเส้นประสาทและลดผลกระทบของความเครียดที่มีต่อร่างกาย การรักษาตารางเวลาที่สม่ำเสมอ การออกกำลังกายปานกลาง และการปรับอาหารเป็นกุญแจสำคัญในการปรับปรุงความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้คนจัดการกับความเครียดในชีวิตที่วุ่นวายได้ดีขึ้น

ข่าวเด่นประเด็นร้อน

:::
回到頁首icon
Loading