img
:::
ข่าวทั่วไป

‘ท่องเที่ยว’ ขึ้นอันดับ 2 สร้างรายได้ให้ ‘ญี่ปุ่น’ แซงหน้าอิเล็กทรอนิกส์ไปแล้ว

ข้อมูลของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า การซื้อสินค้าโดยตรงภายในประเทศจากครัวเรือนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น หรือนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีมูลค่ารวม 7.2 ล้านล้านเยนต่อปี ในไตรมาสแรกของปี 2567/PxHere
ข้อมูลของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า การซื้อสินค้าโดยตรงภายในประเทศจากครัวเรือนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น หรือนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีมูลค่ารวม 7.2 ล้านล้านเยนต่อปี ในไตรมาสแรกของปี 2567/PxHere

ญี่ปุ่น” ซึ่งเป็นประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ และเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตของชาวไทย มีรายได้จากต่างประเทศที่มาจาก “ภาคการท่องเที่ยว” สูงเป็นอันดับ 2 จนแซงหน้าการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แล้ว โดยเว็บไซต์นิกเคอิ เอเชียรายงานว่า เงินที่นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายในญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นถึง “5 เท่าตัว” ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา จนกลายเป็นรายได้จากต่างประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่น เป็นรองเพียงรายได้จากการส่งออกรถยนต์เท่านั้น

“ค่าเงิน” ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการท่องเที่ยว เนื่องจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่า ทำให้สินค้า และบริการต่างๆ ในญี่ปุ่นมีราคาถูกลงในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยในปี 2566 ค่าเงินเยนเฉลี่ยอยู่ที่ 140.58 เยน ต่อ 1 ดอลลาร์ ซึ่งอ่อนค่าลงเกือบ 30% เมื่อเทียบกับปี 2562/Flickr

ข้อมูลของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า การซื้อสินค้าโดยตรงภายในประเทศจากครัวเรือนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น หรือนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีมูลค่ารวม 7.2 ล้านล้านเยนต่อปี ในไตรมาสแรกของปี 2567

ตัวเลขเหล่านี้แสดงถึงการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของการท่องเที่ยวขาเข้าในญี่ปุ่น โดยที่ผ่านมา ยอดการใช้จ่ายประจำปีแตะที่ 4.6 ล้านล้านเยน สำหรับไตรมาสสิ้นสุดเดือนธันวาคม 2562 ก่อนจะลดลงในช่วงการระบาดโควิด-19 จากนั้นก็กลับมาเพิ่มขึ้นจนแซงจุดนี้อีกครั้งในไตรมาสเดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากนั้น 

ตามรายงานประจำปีด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาลญี่ปุ่น การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 38.8% เมื่อเทียบระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2562 กับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ตัวเลขนี้สูงกว่าการเติบโตของสเปน (30.7%) และอิตาลี (16.5%) ในช่วงเวลาเดียวกัน ขณะที่สหรัฐ (-4.3%) และสิงคโปร์ (-1.6%) กลับมีตัวเลขการใช้จ่ายลดลง

“ค่าเงิน” ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการท่องเที่ยว เนื่องจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่า ทำให้สินค้า และบริการต่างๆ ในญี่ปุ่นมีราคาถูกลงในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยในปี 2566 ค่าเงินเยนเฉลี่ยอยู่ที่ 140.58 เยน ต่อ 1 ดอลลาร์ ซึ่งอ่อนค่าลงเกือบ 30% เมื่อเทียบกับปี 2562

ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถซื้อสินค้า และบริการต่างๆ ในญี่ปุ่นด้วยเงินสกุลของตัวเองได้มากขึ้น และช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวให้คึกคัก

นอกจากนี้ หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย นักท่องเที่ยวมีแนวโน้มกระจุกตัวอยู่ในเมืองใหญ่ๆ อย่างโตเกียวและโอซาก้ามากกว่า ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพยายามส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองให้มากขึ้น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางไปยังเมืองอื่นๆ แทน นอกเหนือจากเมืองใหญ่เหล่านี้

ไม่เพียงเท่านั้น ภาคการท่องเที่ยวมีอีกความเสี่ยงสำคัญคือ ความผันผวนของสถานการณ์ต่างประเทศ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และในปัจจุบันเป็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งเศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจต้องรับมือกับสิ่งเหล่านี้ เพราะ “ภาคการท่องเที่ยว” กำลังมีสัดส่วนรายได้ต่อประเทศสูงขึ้นเรื่อยๆ/Flickr

แม้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จะนำรายได้สู่แดนปลาดิบนี้ไม่น้อย แต่ก็นำมาซึ่ง “ความท้าทาย” หลายประการด้วย เช่น โครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น ยังไม่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลที่หลั่งไหลเข้ามาได้ทัน อุตสาหกรรมโรงแรม และการบินที่เผชิญภาวะขาดแคลนแรงงานอย่างมาก และปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมืองที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่

ไม่เพียงเท่านั้น ภาคการท่องเที่ยวมีอีกความเสี่ยงสำคัญคือ ความผันผวนของสถานการณ์ต่างประเทศ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และในปัจจุบันเป็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งเศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจต้องรับมือกับสิ่งเหล่านี้ เพราะ “ภาคการท่องเที่ยว” กำลังมีสัดส่วนรายได้ต่อประเทศสูงขึ้นเรื่อยๆ

มาเป็นคนแรกที่แสดงความคิดเห็น

ข่าวเด่นประเด็นร้อน

ข่าวล่าสุด 最新消息icon
回到頁首icon
Loading