เด็กชายวัย 6 ขวบนามสกุลเฉิน สังเกตเห็นเลือดแดงสดจำนวนมากในอุจจาระขณะเข้าห้องน้ำ ทำให้พ่อแม่ตกใจรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที หลังจากการตรวจร่างกายหลายขั้นตอน แพทย์พบว่าเด็กชายเป็นโรคครห์น (Crohn’s disease) ซึ่งเป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อย การวินิจฉัยได้ยากในระยะแรก แต่หากไม่รักษาทันเวลา อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเด็กอย่างมาก
โรคครห์น: โรคอักเสบที่เกิดกับลำไส้และพบได้ในเด็ก
โรคครห์นเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องซึ่งทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในทางเดินอาหาร ในไต้หวันอัตราการเกิดโรคครห์นอยู่ที่ประมาณ 4.7 ต่อประชากร 100,000 คน แม้ว่าโรคนี้จะพบได้บ่อยในผู้ใหญ่อายุ 20-39 ปี แต่ก็มีผู้ป่วยในเด็กด้วย อาการที่พบบ่อยได้แก่ ปวดท้อง ท้องเสีย อุจจาระเป็นเลือด และน้ำหนักลด ผู้ป่วยยังอาจมีภาวะแทรกซ้อนที่ทวารหนักเช่น ริดสีดวงทวาร, ฝี หรือโรคร้ายอื่น ๆ
สัญญาณเตือน: จะรู้ได้อย่างไรว่าเด็กเป็นโรคครห์น?
เด็กชายวัย 6 ขวบแสดงอาการเลือดออกในอุจจาระโดยไม่มีอาการปวดท้องหรือการลดน้ำหนักอย่างชัดเจน ทำให้การวินิจฉัยโรคยากขึ้น หลังจากการตรวจร่างกายหลายขั้นตอน เช่น กล้องแคปซูลและกล้องลำไส้ใหญ่ แพทย์วินิจฉัยว่าเขาเป็นโรคครห์น อาการเหล่านี้เตือนให้พ่อแม่ระวังหากเด็กมีอาการท้องเสีย ปวดท้องนานเกิน 3 เดือน ควรพาไปพบแพทย์ทันที
ภาวะแทรกซ้อน: อาการที่อาจเกิดขึ้นกับระบบทางเดินอาหารและส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
โรคครห์นมีผลกระทบต่อส่วนต่างๆ ของร่างกายตั้งแต่ปากถึงลำไส้ หรืออวัยวะอื่นๆ อาการที่พบบ่อยได้แก่ ขาดสารอาหาร ลำไส้ตีบตัน ลำไส้อุดตัน หรือมีรูในลำไส้ ในระยะการเติบโตของเด็ก การดูดซึมสารอาหารที่ไม่ดีอาจส่งผลให้เด็กมีการพัฒนาที่ช้าลง
การวินิจฉัยและรักษาแต่เนิ่นๆ คือกุญแจสำคัญ
แม้ว่าโรคครห์นจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การวินิจฉัยและรักษาในระยะเริ่มต้นสามารถช่วยควบคุมโรคได้ แพทย์แนะนำให้ใช้เครื่องมือวินิจฉัยที่มีความแม่นยำเช่น กล้องลำไส้เล็กและกล้องแคปซูล การติดตามผลอย่างสม่ำเสมอและการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันไม่ให้โรครุนแรงขึ้น
พ่อแม่ควรเฝ้าระวังและไม่ปล่อยให้โรคเลวร้ายลงโดยไม่รู้ตัว
หากเด็กมีอาการท้องเสีย ปวดท้อง หรืออุจจาระเป็นเลือด พ่อแม่ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรตรวจสอบให้ละเอียดและทำการรักษาแต่เนิ่นๆโรคโครห์นไม่หายได้ง่าย หากอาการที่กล่าวถึงข้างต้นเกิดขึ้นซ้ำๆ และต่อเนื่องเกิน 3 เดือน ขอแนะนำให้ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจทันที (ภาพจาก freepik)