กรุงจาการ์ต้า เมืองหลวงของประเทศอินโดนิเซียประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่าทศวรรษที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 80 คน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและบรรเทาสาธารณะภัย รวมทั้งเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขเริ่มดำเนินการฆ่าเชื้อโรคครั้งใหญ่เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคหลังภัยพิบัติ
สภาพอากาศในวันปีใหม่ในจาการ์ตานั้นเกิดจากฝนตกหนักซึ่งเป็นช่วงฤดูฝน ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายพื้นที่จมอยู่ใต้น้ำ ผู้คนหลายสิบคนเสียชีวิตเนื่องจากการถล่มของดินและหินในเขตชานเมือง ซึ่งภัยพิบัติครั้งนี้เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 2007
โดยเมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่ผ่านมา กองกำลังทหารและเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขหลายพันคนได้ร่วมมือกันดำเนินการฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่ๆ ประสบภัยพิบัติอย่างหนักเพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออกและโรคเลปโตสไปโรซีส หรือโรคฉี่หนู (โรคติดต่อจากสัตว์สู่คนเป็นส่วนใหญ่ผ่านปัสสาวะของสัตว์ที่ใช้ฟันแทะ)
ส่วนในจังหวัดบันเตินทางตะวันตกของเกาะชวาใกล้กรุงจาการ์ต้า เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินโคลนถล่มทำลายบ้านเรือนและหมู่บ้านมากกว่า 1,700 แห่ง เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 ราย และมีเด็กสูญหายอีก 1 ราย
แม้ว่าระดับน้ำได้ลดลงในพื้นที่ส่วนใหญ่ของจาการ์ตา แต่บ้านเรือนที่อยู่ติดกับแม่น้ำยังคงมีน้ำท่วมหรือมีโคลนเต็มไปหมด กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรว่า กรุงจาการ์ตาจะยังมีฝนตกหนักในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และทั้งประเทศอินโดนีเซียอาจมีฝนตกชุกมากจนถึงเดือนหน้า โดยเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา หน่วยงานรัฐได้ใช้หลักการทำฝนเทียมเพื่อพยายามทำให้ฝนไปตกที่อื่น ไม่ให้เกิดน้ำท่วมในจาการ์ต้าขึ้นอีกครั้ง
ประเทศอินโดนีเซียมีน้ำท่วมทุกปีและกรุงจาการ์ต้าก็ไม่มีระบบป้องกันน้ำท่วม ซึ่งภัยพิบัติในปีนี้รุนแรงมากโดยเฉพาะบางพื้นที่มีน้ำท่วมสูงถึง 6 เมตร ประชาชนเกือบ 400,000 คน ต้องทำการอพยพไปที่ศูนย์พักพึงฉุกเฉินกว่า 270 แห่ง