จากข้อมูลล่าสุดจากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮ็อปกินส์ พบว่า ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากโรควิด-19 แล้ว 402,852 คนและติดเชื้อ 7,015,079 คน โดยสหรัฐยังคงเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตและติดเชื้อมากที่สุดคือ 110,514 คน ในจำนวนผู้ติดเชื้อ 1,942,363 คน (ข้อมูลณ วันที่ 8 มิ.ย. 13.30 น.)
ส่วนอีกหลายๆประเทศรวมทั้งในลาตินเมริกา ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตยังคงพุ่งขึ้นไม่หยุด โดยเฉพาะบราซิลที่มีการระบาดรุนแรงในเวลานี้ แต่ประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู ผู้นำประเทศขู่จะถอนตัวออกจากองค์การอนามัยโลกตามรอยสหรัฐ ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ (7 มิ.ย.) ประชาชนจำนวนมากทั้งที่สนับสนุนและต่อต้านประธานาธิบดีโบลโซนารูได้ออกไปชุมนุมกันตามท้องถนนในเมืองเซาเปาลูและกรุงบราซีเลียเมืองหลวงทั้งนี้ประธานาธิบดีโบลโซนารู กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับมาตรการรับมือโรคระบาดของเขา
ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในซาอุดีอาระเบียทะลุ 1 แสนคน มากที่สุดในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย อย่างไรก็ตามที่แม้ผู้ติดเชื้อยังคงสูงด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่า 3,000 คนเป็นวันที่สองเมื่อวานนี้ แต่ทางการซาอุดีอาระเบียได้ผ่อนปรนมาตรการเข้มงวดแล้ว
ส่วนยุโรป สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ดีขึ้น ประเทศต่างๆ ทะยอยผ่อนปรนมาตรการปิดเมือง ด้วยการเปิดพรมแดนและธุรกิจรวมถึงการหาทางฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว ในสเปนเมื่อวานนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตเพียง 1 คนเท่านั้น และผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงอีกครั้งคือ 102 คน จากตัวเลข 164 คนเมื่อวันก่อน เช่นเดียวกับเนเธอร์แลนด์พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 คนรวมเป็น 6,013 คน ลดลงจาก 6 คนเมื่อวันเสาร์ โดยตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และฝรั่งเศสใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีรายงานผู้เสียชีวิต13 คน ซึ่งเป็นตัวเลขรายวันต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับหลายประเทศทั่วแอฟริกาและเอเชียก็กำลังกลับสู่วิถีชีวิตที่เป็นปกติอย่างช้าๆหลังการระบาดของโรคเช่นกัน ในเวียดนามไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่เมื่อวานนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมยังคงอยู่ที่ 329 คน และจนถึงขณะนี้ผู้เสียชีวิตเป็นศูนย์ ด้านนายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ของสิงคโปร์เรียกร้องให้ประชาชนเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่จะมีความแตกต่างอย่างมาก เนื่องจากโรคโควิด-19 ยังคงเป็นปัญหาไปอีกนาน.
ข้อมูลข่าวจาก กรมประชาสัมพันธ์