นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์กล่าวว่า บุหรี่ ทั้งแบบธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้า ล้วนมีสารเคมีให้โทษต่อร่างกาย การหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพราะอยากเลิกบุหรี่ธรรมดานั้น นอกจากจะไม่ได้ช่วยลดอันตรายจากพิษภัยบุหรี่แล้ว ยังร้ายกว่าเดิมคือบุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้ผู้สูบยังคงติดพฤติกรรมการสูบ ส่งผลให้อัตราการสูบบุหรี่โดยรวมทั้งบุหรี่ธรรมดาและไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นหากผู้สูบอยากเลิกบุหรี่จริง เพียงแค่หาเหตุจูงใจที่จะเลิก เช่น มอบเป็นของขวัญกับคนที่เรารักในโอกาสสำคัญ เตรียมตัวให้พร้อม กำหนดวันที่แน่นอนบอกคนที่รักเพื่อเป็นกำลังใจ ทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียด หากิจกรรมต่างๆ ทำ เช่น อ่านหนังสือ ออกกำลังกาย และยืนยันตั้งมั่นว่าจะเลิกบุหรี่แน่นนอน ด้วยการทิ้งอุปกรณ์การสูบบุหรี่ หรือเมื่อรู้สึกอยากสูบบุหรี่ให้ดื่มน้ำหรือล้างหน้าทันทีเมื่อรู้สึกหงุดหงิด สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และช้าๆ 2- 3 ครั้ง และหากิจกรรมอื่นๆ ทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เพื่อทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายขึ้น
ถ้าสามารถเลิกสูบบุหรี่ได้จะส่งผลดีต่อร่างกาย คือ เมื่องดเป็นเวลา 15 นาที หัวใจจะเต้นช้าลง เมื่องดเป็นเวลา 12 ชั่วโมง ระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์จะลดลงสู่ภาวะปกติ ถ้างดสูบบุหรี่ได้เป็นเวลา 14 วัน ระบบไหลเวียนจะดีขึ้น หายใจได้โล่งขึ้น จะรู้สึกสดชื่น หากเลิกสูบบุหรี่ในเวลา 1 ปี ความเสี่ยงโรคหัวใจวายจะลดลง 50% และถ้าเลิกสูบตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป ความเสี่ยงโรคสมองจะลดลงถึง 50% และสำหรับผู้กำลังจะเริ่มต้นสูบบุหรี่หรือสูบบุหรี่มาแล้วเป็นระยะเวลานาน ควรเลิกเสียตั้งแต่วันนี้เพื่อสุขภาพที่ดีในอนาคตทั้งของตนเองและคนรอบข้าง
สถาบันโรคทรวงอกเปิดให้บริการคลินิกอดบุหรี่ ทุกวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08.00 น.– 16.00 น. ให้คำปรึกษาการเลิกบุหรี่ โดยบุคลากรทางการแพทย์เฉพาะทาง และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเปิดบริการ อดบุหรี่ ด้วยยา ทุกวันจันทร์
เวลา 08.00 น.– 12.00 น. สอบถามรายละเอียดได้ที่โทร 02-5470999 ต่อ 30927
ข้อมูลจาก กรมประชาสัมพันธ์