นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า แม้สถานการณ์ภาพรวมของประเทศไทยจะสามารถควบคุมโรคโควิด-19 ได้ดี พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มเพียงไม่กี่คนต่อวัน แต่ทั่วโลกยังคงพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและบางประเทศเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่เกินค่าเฉลี่ยโลกไปแล้ว อย่างประเทศฟิลิปปินส์ ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ไทยยังมีโอกาสที่จะเจอการแพร่ระบาดได้ ทั้งการแพร่ในวงจำกัด แพร่ระบาดในวงกว้าง และแพร่ระบาดระดับวิกฤต เพราะคาดว่าทั่วโลกยังต้องอยู่กับเชื้อโคโรนา 2019 ก่อโรคโควิด-19 แบบไม่มีเครื่องป้องกันหรือก็คือภูมิคุ้มกัน ไปอีกนาน เนื่องจากแนวคิดของบางประเทศที่จะปล่อยให้ประชากรติดเชื้อหวังสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ตามธรรมชาติ อย่างสหรัฐอเมริกาเองที่มีอัตราป่วยติดเชื้อมากที่สุดในโลก แต่อัตราติดเชื้อเพียง 7% ขณะที่อัตราติดเชื้อที่จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ ต้องอยู่ที่ 70% ดังนั้นที่หวังจะปล่อยให้ป่วยและสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ตามธรรมชาติต้องใช้เวลามาก
ขณะที่วัคซีน ยังต้องผ่านการวิจัยครบ 3 ระยะ คือระยะ 1-2 ดูว่ากระตุ้นภูมิคุ้มกันได้หรือไม่ ถ้าได้จึงเข้าระยะ 3 เพื่อดูว่าภูมิที่กระตุ้นได้ ป้องกันโรคได้จริงหรือไม่ แม้ขณะนี้จะมีวัคซีน 8 ตัวที่เข้าสู่การวิจัยระยะ 3 แล้ว และอีก 31 ตัว ที่อยู่ในระยะ 2 แต่เพราะวัคซีนแม้จะกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะป้องกันโรคได้ เหมือนกรณีวัคซีนเอดส์ที่หลายปีผ่านมาก็ยังไม่มีตัวใดผ่านการวิจัยระยะ 3 มาได้ ไทยจึงจำเป็นต้องอดทนรอ หากทุกอย่างสำเร็จด้วยดีอย่างเร็วที่สุดที่โลกนี้จะมีวัคซีนใช้ก็ราวกลางปีหน้า แต่ระหว่างนี้สิ่งที่คนไทยทุกคนช่วยกันได้คือ ความร่วมมือป้องกันตนเองและสังคม เพื่อคงความเสี่ยงติดเชื้อต่ำเช่นนี้ต่อไป หากไทยยังเจอผู้ป่วยทีละน้อย ทุกคนยังป้องกันตนเอง ต่อให้พบผู้ป่วยในประเทศก็เชื่อจะจำกัดวงระบาดได้เร็ว ประชาชนยังสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขบนวิถีใหม่นี้ได้ต่อไป
ข้อมูลข่าวจาก กรมประชาสัมพันธ์