เด็กแต่ละคนมีกระบวนการเติบโตที่เป็นเอกลักษณ์ แต่บางครั้งผู้ปกครองอาจละเลยสัญญาณเตือนของความผิดปกติในการพัฒนาบางอย่าง ระบบเฉพาะทางด้านกุมารเวชศาสตร์ของกรุงเทพมหานครให้การตรวจสุขภาพฟรี 7 ครั้งสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี พร้อมบริการเยี่ยมบ้านประจำปี ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจพัฒนาการของลูกได้อย่างครอบคลุม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์เตือนว่า หากลูกแสดงอาการ 6 ประการดังต่อไปนี้ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความผิดปกติในการพัฒนา
6 สัญญาณบ่งชี้การพัฒนาที่ผิดปกติที่ผู้ปกครองไม่ควรละเลย
ผู้ปกครองหลายคนมักปลอบใจตัวเองด้วยความเชื่อว่า "เด็กช้าแต่โต" แต่บางกรณีอาจบ่งบอกถึงความล่าช้าในการพัฒนา ซึ่งจำเป็นต้องมีการแทรกแซงอย่างทันท่วงที นายแพทย์ดร.ดุรงค์ชัย (ชื่อจริงอาจแตกต่าง) หัวหน้าสาขาเวชศาสตร์เด็ก โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์สมเด็จพระศรีนครินทรราชฯ พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า สัญญาณ 6 ประการต่อไปนี้ อาจบ่งบอกถึงความล่าช้าในการพัฒนาการเคลื่อนไหวหรือภาษา:
- ไม่สามารถหงายตัวได้หลังจาก 6 เดือน
- อายุประมาณ 1 ขวบ ยังไม่สามารถยืนได้โดยไม่จับอะไรช่วย อายุ 1.5 ขวบ ยังไม่สามารถเดินได้โดยไม่จับอะไรช่วย
- อายุ 2.5 ขวบ ยังไม่สามารถวิ่งหรือขึ้นลงบันไดได้
- อายุ 1.5 ขวบ ยังไม่สามารถพูด "พ่อ" หรือ "แม่" ได้
- อายุ 2 ขวบ ยังพูดคำศัพท์ได้ไม่เกิน 10 คำ
- อายุ 2.5 ขวบ ยังไม่สามารถสร้างประโยคได้
หากลูกแสดงอาการใดๆ ข้างต้น แนะนำให้ผู้ปกครองรีบพาไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์เพื่อรับการประเมิน
การตรวจสุขภาพ 7 ครั้ง ช่วยในการค้นพบความผิดปกติแต่เนิ่นๆ ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญกับ 3 ข้อสำคัญก่อนการเข้ารับการตรวจ
- บันทึก: กรุณาเขียนข้อมูลในสมุดบันทึกสุขภาพเด็ก และบันทึกประวัติการให้คำแนะนำอย่างละเอียด
- เอกสาร: กรุณานำสมุดบันทึกสุขภาพเด็กและบัตรประกันสุขภาพมาด้วย
- ถามคำถาม: กรุณาถามคำถามกับแพทย์อย่างกระตือรือร้นเมื่อรับทราบผลการตรวจสุขภาพ
การเยี่ยมบ้านประจำปี ช่วยปกป้องเด็กและค้นพบความผิดปกติในอัตราที่สูงกว่าการมาพบแพทย์ในคลินิก
นอกจากการตรวจสุขภาพแล้ว โรงพยาบาลสมเด็จฯ ยังได้จัดทำโครงการ "แพทย์เฉพาะด้านเด็กและครอบครัว" เพื่อเยี่ยมบ้านเด็กอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อปีเพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมการเติบโตโดยรวม นายแพทย์ดร.ดุรงค์ชัย ระบุว่า การเยี่ยมบ้านช่วยให้แพทย์สามารถสังเกตพัฒนาการของเด็กในสถานการณ์ธรรมชาติ และสามารถเข้าใจสถานการณ์ของเด็กได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ในปัจจุบัน ได้เยี่ยมบ้านครอบครัวจำนวน 779 ครอบครัว พบว่ามีเด็กที่มีความผิดปกติหรือล่าช้าในการพัฒนาถึง 4.3% ซึ่งสูงกว่าอัตราของเด็กที่พบในคลินิกถึง 1.6% ถึง 2.5%
การเยี่ยมบ้านประสบความสำเร็จในการค้นพบความล่าช้าในการพัฒนาและการแทรกแซงอย่างทันท่วงทีช่วยให้เด็กมีพัฒนาการดีขึ้น
การเยี่ยมบ้านไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจสถานการณ์การเจริญเติบโตของลูกเท่านั้น แต่ยังช่วยในการแทรกแซงและรักษาได้อย่างทันท่วงทีอีกด้วย นายแพทย์ดร.ดุรงค์ชัย ได้แบ่งปันกรณีตัวอย่าง: เด็กชายอายุ 1 ขวบชื่อ "น้อง" เนื่องจากไม่สามารถออกเสียง "พ่อ" หรือ "แม่" ได้ บุคคลในครอบครัวคิดว่าเป็น "เด็กช้าแต่โต" จึงไม่ใส่ใจ แต่หลังจากการเยี่ยมบ้าน พบว่า น้องมีปัญหาเกี่ยวกับพัฒนาการทางภาษาและการเคลื่อนไหว โชคดีที่ทีมแพทย์ได้เข้ามาแทรกแซงอย่างทันท่วงที ทำให้พัฒนาการของน้องดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สังเกตและมีปฏิสัมพันธ์กับลูกในบ้านและใช้โอกาสในการตรวจสุขภาพ
นายแพทย์ดร.ดุรงค์ชัย เตือนผู้ปกครองว่า นอกเหนือจากการพาลูกไปรับการตรวจสุขภาพเป็นประจำแล้ว ยังสามารถใช้หนังสือภาพ การ์ดรูป หรือของเล่นประเภทลูกบอล ฯลฯ เพื่อสังเกตพัฒนาการของลูกในแต่ละช่วงวัยผ่านเกมและปฏิสัมพันธ์ การมีปฏิสัมพันธ์ในครอบครัวจะช่วยในการค้นพบความผิดปกติในการพัฒนาตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วงเวลาสำคัญในการเจริญเติบโตของเด็กมีความสำคัญอย่างมาก การใช้โอกาสในการตรวจสุขภาพและการเยี่ยมบ้านจะช่วยปกป้องสุขภาพของลูก และช่วยให้ลูกๆ แต่ละคนเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงและไกลยิ่งขึ้นผู้ปกครองสามารถสังเกตพัฒนาการของลูกได้ที่บ้านผ่านการเล่นหรือกิจกรรมโต้ตอบ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญสำหรับประเมินพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัย (ภาพ / จาก pexels)