ตามข้อมูลจาก “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย”
รัฐบาลเร่งพลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย เดินหน้าต่อยอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น Quick Win อำนวยความสะดวกในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย (Ease of Travelling) แก่นักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความร่วมมือของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ซึ่งขยายเวลาทำการของท่าอากาศยานเชียงใหม่ เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยในช่วงไฮซีซั่นส่งท้ายปี 2566 นี้
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า การเปิดให้บริการท่าอากาศยานเชียงใหม่ตลอด 24 ชั่วโมง จะช่วยเพิ่มการรองรับเที่ยวบินเส้นทางระหว่างประเทศที่เดินทางเข้าและออกประเทศไทยหลังเที่ยงคืน ส่งผลให้สายการบินระหว่างประเทศพิจารณาเพิ่มตารางการบินและเที่ยวบินสู่ประเทศไทย อำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยว (Ease of Travelling) เพิ่มศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการรองรับนักท่องเที่ยวจากกลุ่มตลาดระยะใกล้และระยะไกล ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมศักยภาพของจังหวัดเชียงใหม่ให้สามารถเดินทางเข้าถึงได้อย่างสะดวกมากขึ้นในฐานะจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก ยังเป็นศูนย์กลางในการกระจายการท่องเที่ยวออกไปยังจังหวัดอื่นๆในภาคเหนือ ส่งผลดีต่อการกระจายรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาคอีกด้วย
ทั้งนี้ ทอท. จะเปิดให้บริการท่าอากาศยานเชียงใหม่ ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป จากเดิมที่เปิดให้บริการ 18 ชั่วโมงต่อวัน หรือตั้งแต่เวลา 06.00 - 24.00 น. เพื่อรองรับจำนวนเที่ยวบินและจำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพที่จะเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นในช่วงไฮซีซั่น ปลายปี 2566 โดยเพื่อเป็นการประกาศให้บริการ 24 ชั่วโมงของท่าอากาศยานเชียงใหม่ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ คณะผู้บริหารของ ทอท.และผู้ร่วมกิจกรรม ได้ร่วมกันแจกของที่ระลึกให้แก่ผู้โดยสารสายการบินไทยเวียตเจ็ท เที่ยวบินที่ VZ 822 เส้นทาง เชียงใหม่ - โอซาก้า กำหนดออกจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ เวลา 00.30 น. ของวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 (คืนวันที่ 31 ตุลาคม 2566) เดินทางถึงท่าอากาศยานคันไซ (โอซาก้า) เวลา 07.50 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ด้วย โดย ทอท. จะเตรียมความพร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก เจ้าหน้าที่ และระบบคมนาคมขนส่ง รวมทั้งจัดสรรพื้นที่ภายในท่าอากาศยานฯ แก่วิสาหกิจชุมชน เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นแก่นักท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจฐานรากอย่างทั่วถึง ตลอดจนประสานงานร่วมกับสายการบินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาจัดตารางการบินให้เหมาะสม เพื่อลดผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ พร้อมกำหนดมาตรการดูแลเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบด้วย
มาตรการดังกล่าวจะเป็นกลไกสำคัญในการปลดล็อคข้อจำกัดด้านเวลาของการเดินทางทางอากาศของเส้นทางการบินระหว่างประเทศ สะท้อนศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการรองรับนักท่องเที่ยวจากกลุ่มตลาดระยะใกล้และระยะไกล โดยคาดการณ์ว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศและผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่ร้อยละ 30 ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
ปัจจุบันท่าอากาศยานเชียงใหม่รองรับจำนวนเที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศรวม 150 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารเฉลี่ยประมาณ 21,537 คนต่อวัน จากเส้นทางระหว่างประเทศ 18 เส้นทาง และเส้นทางภายในประเทศ 12 เส้นทาง โดยมีเส้นทางบินตรงระหว่างประเทศ ได้แก่ ไทเป, อินชอน, คุนหมิง, ปักกิ่ง, ฮ่องกง คาดว่าในเดือนเมษายนจะเพิ่มเส้นทางบินตรง ได้แก่ มุมไบและนิวเดลี รวมถึงมีขีดความสามารถในการรองรับปริมาณผู้โดยสาร 8 ล้านคนต่อปี และอยู่ขั้นตอนการศึกษาและออกแบบโครงการพัฒนา ระยะที่ 1 เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 16.5 ล้านคนต่อปี
อ่านข่าวเพิ่มเติม: ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่แซวกันสนั่นโซเชียล ! ป้ายสีแดงหน้าร้านค้า อีกหนึ่งเรื่องตลกๆ ในไต้หวัน
อ่านข่าวเพิ่มเติม: สถาบันวิจัยกล้วยไต้หวัน ผลักดันการแปรรูปผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากกล้วยดิบ เพื่อเพิ่มมูลค่า