เมื่อเด็กเติบโตขึ้น พวกเขาเริ่มมีความคิดของตัวเองมากขึ้น และผู้ปกครองอาจสังเกตเห็นว่าเด็กที่เคยเชื่อฟังอาจไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป ไม่ว่าผู้ปกครองจะพูดอย่างไร ก็ดูเหมือนว่าเด็กจะไม่ฟัง ทำให้การสื่อสารระหว่างพ่อแม่และลูกกลายเป็นเรื่องท้าทาย อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้หมายความว่าเด็กไม่อยากฟัง แต่หมายความว่าผู้ปกครองจำเป็นต้องปรับวิธีการสื่อสารให้เหมาะสม การใช้เทคนิคการพูดที่ถูกต้องจะช่วยให้เด็กเข้าใจได้ดีขึ้นและส่งเสริมความคิดและการกระทำอย่างอิสระของพวกเขา
คำแนะนำที่คำนึงถึงอารมณ์มีประสิทธิภาพมากกว่า
เมื่อเด็กกำลังจดจ่ออยู่ในโลกของตัวเอง ไม่ว่าจะกำลังสนุกหรือมีอารมณ์แปรปรวน การสั่งงานโดยตรงมักจะถูกเมินหรือถูกต่อต้าน ในกรณีเช่นนี้ ผู้ปกครองสามารถลองใช้วิธีการที่แตกต่างออกไป เช่น การรับรู้และเข้าใจอารมณ์ของเด็กก่อนที่จะให้คำแนะนำ การเริ่มต้นจากความรู้สึกของเด็กทำให้พวกเขารู้สึกว่าได้รับความเข้าใจและลดความขัดแย้ง
ตัวอย่าง: “กระโดดบนเตียงสนุกใช่ไหม? แต่แม่รู้ว่ามีที่ที่ปลอดภัยและสนุกกว่านี้สำหรับกระโดดนะ!” วิธีการพูดแบบนี้ช่วยให้เด็กรู้สึกได้รับความเคารพและยังบรรลุเป้าหมายที่ผู้ปกครองต้องการ3 เทคนิคการพูดที่ผู้ปกครองต้องเรียนรู้ เพื่อช่วยให้ลูกมีแรงจูงใจในตัวเอง (ภาพ/ได้รับอนุญาตจาก Heho)
"ทำได้" มีประสิทธิภาพมากกว่า "ทำไม่ได้"
โลกของเด็กนั้นไร้เดียงสาและไร้กังวล พวกเขายอมรับคำพูดเชิงบวกได้ง่ายกว่าคำสั่งห้าม การพูดว่า "ทำไม่ได้" บ่อยๆ อาจทำให้พวกเขารู้สึกถูกจำกัดมากเกินไป แต่การใช้คำพูดที่บอกว่า "ทำได้" จะช่วยชี้แนะการกระทำของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
ตัวอย่างเช่น เมื่อเด็กเห็นแอ่งน้ำและอยากกระโดดใส่ แทนที่จะบอกว่า "อย่าเหยียบน้ำนะ" ให้ลองพูดว่า "ถ้าเจอแอ่งน้ำ ต้องก้าวข้ามไปนะ" วิธีนี้ช่วยให้เด็กเข้าใจพฤติกรรมได้เร็วขึ้นและทำตามคำแนะนำได้โดยธรรมชาติ
ให้พื้นที่สำหรับการเลือกอย่างอิสระ
เมื่อเด็กเข้าสู่วัย 3 ปี พวกเขาเริ่มพัฒนาความตระหนักรู้ในตัวเองและต้องการควบคุมการกระทำของตัวเอง โดยมักจะต่อต้านคำสั่งที่เข้มงวด ในกรณีนี้ แทนที่จะสั่งงานเด็กโดยตรง ผู้ปกครองสามารถให้พวกเขามีโอกาสเลือกด้วยตนเอง วิธีนี้ไม่เพียงทำให้เด็กรู้สึกว่าตนเองมีความสำคัญ แต่ยังทำให้พวกเขารับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตัวเอง
ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการให้เด็กเก็บของเล่น แทนที่จะพูดว่า "เก็บของเล่นได้ไหม?" ซึ่งอาจถูกเมินหรือถูกต่อต้าน ให้ลองพูดว่า "อยากเก็บเองหรืออยากให้พ่อแม่ช่วยเก็บ?" วิธีนี้ทำให้เด็กมีความรู้สึกว่าพวกเขามีสิทธิ์ตัดสินใจและกระตือรือร้นที่จะทำมากขึ้น
การสื่อสารที่ดีคือรากฐานของการศึกษา
ด้วยการใช้เทคนิคการพูดทั้ง 3 นี้ ผู้ปกครองสามารถแนะนำเด็กให้มีพฤติกรรมที่ดีได้ง่ายขึ้นและลดความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น ในขณะเดียวกัน เด็กก็สามารถพัฒนาความมีวินัยในตัวเองและความสามารถในการจัดการตนเองได้ดีขึ้น ที่สำคัญที่สุด วิธีการสื่อสารเช่นนี้ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่กลมเกลียวระหว่างพ่อแม่และลูก และช่วยให้เด็กสามารถปรับอารมณ์ได้ดีขึ้น