img
:::

ระวังงูสวัด! การทำความเข้าใจเกี่ยวกับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง, อาการ, ความสามารถในการแพร่เชื้อ และภาวะแทรกซ้อน

มีโอกาส 1 ใน 3 ที่จะเป็นโรคงูสวัดในช่วงชีวิต. (ภาพ / ให้บริการโดย Heho Health)
มีโอกาส 1 ใน 3 ที่จะเป็นโรคงูสวัดในช่วงชีวิต. (ภาพ / ให้บริการโดย Heho Health)

หลายคนรู้สึกกลัวเมื่อได้ยินเกี่ยวกับโรคงูสวัด (ที่รู้จักกันในชื่อ “งูเลื้อยตามตัว”) โรคนี้เกิดจากไวรัสอีสุกอีใสที่แฝงอยู่ในปมประสาทรากหลัง เมื่อภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง ไวรัสจะถูกกระตุ้นและนำไปสู่การเกิดโรคงูสวัด ซึ่งโรคนี้มักจะมีอาการปวดรุนแรงร่วมด้วย ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกทรมานมากงูสวัดเกิดขึ้นได้อย่างไร? ที่จริงแล้วเกิดจากไวรัสอีสุกอีใส. (ภาพ / ให้บริการโดย Heho Health)

โรคงูสวัดคืออะไร?

โรคงูสวัดเป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากไวรัสอีสุกอีใส มักเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ มีโอกาส 1 ใน 3 ที่ไวรัสนี้จะถูกกระตุ้นอีกครั้งและทำให้เกิดโรคงูสวัด โดยบริเวณที่มักเกิดโรคมากที่สุดได้แก่ หน้าอก หลัง และบริเวณเส้นประสาทไทรเจมินัลบนใบหน้า

อาการเริ่มแรกจะคล้ายกับไข้หวัด เช่น น้ำมูกไหล ไอเบา ๆ และปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ จากนั้นจะมีอาการปวดแปลบ ๆ และเกิดตุ่มน้ำใสที่ผิวหนังบริเวณที่ได้รับผลกระทบ โดยตุ่มน้ำเหล่านี้มักจะเรียงตัวเป็นแถบและมีอาการปวดรุนแรง อาการปวดนี้อาจคงอยู่หลายเดือนหรือมากกว่านั้น แม้ผื่นจะหายไปแล้ว โดยเฉพาะในผู้สูงอายุงูสวัดมีผลอย่างไร? อธิบายอาการที่พบได้บ่อยและตำแหน่งที่เกิดโรค. (ภาพ / ให้บริการโดย Heho Health)ภาวะแทรกซ้อนและผลกระทบหลังโรคงูสวัด

ภาวะแทรกซ้อนและผลกระทบหลังโรคงูสวัด

ภาวะแทรกซ้อนหลักของโรคงูสวัดได้แก่ อาการปวดอย่างต่อเนื่อง (ที่เรียกว่า ปวดเส้นประสาทหลังโรคงูสวัด) ซึ่งมักเกิดในผู้ป่วยที่มีอายุมากและมีภูมิคุ้มกันต่ำ นอกจากนี้ โรคงูสวัดอาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย นำไปสู่โรคผิวหนังอักเสบ และอาจทิ้งรอยแผลเป็นได้ หากเกิดโรคงูสวัดที่ใบหน้า อาจทำให้เกิดเยื่อบุตาอักเสบ กระจกตาอักเสบ สูญเสียการมองเห็น หรือกระทบการได้ยินหรือเกิดอัมพาตใบหน้าได้ ดังนั้น การตรวจพบและรักษาโรคงูสวัดแต่เนิ่น ๆ จึงมีความสำคัญมาก

ข่าวเด่นประเด็นร้อน

:::
回到頁首icon
Loading