การเกษียณอายุเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต แต่หากขาดเป้าหมายในชีวิต อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตได้ องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่ามีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าทั่วโลกมากกว่า 260 ล้านคน โดยอัตราความชุกในผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปสูงถึง 10% และที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นคืออัตราการฆ่าตัวตายในผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปสูงที่สุดในทุกช่วงวัย
ดร.เฉิน เหวินหยิ๋ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชจากโรงพยาบาลไทเปซิตี้ฮอสพิทัลสาขาซงเต๋อ ระบุว่า โรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุมักเกิดจากปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง เช่น โรคเรื้อรัง ความกดดันทางการเงิน และความรู้สึกสูญเสีย เช่น การเสียชีวิตของคู่สมรสหรือคุณค่าทางสังคมที่ลดลง อาการของโรคซึมเศร้าประกอบด้วยความเหนื่อยล้า การเปลี่ยนแปลงความอยากอาหาร การนอนไม่หลับ และอาจมีความคิดฆ่าตัวตาย การวิจัยพบว่าโรคซึมเศร้าที่ยังไม่ได้รับการรักษาในผู้สูงอายุอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองเสื่อม และซึมเศร้ามักเป็นสัญญาณเริ่มต้นของภาวะสมองเสื่อมภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุมักเกิดจากปัจจัยเสี่ยงหลายประการ (ภาพ/มอบโดย Heho Health)
โรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุมีลักษณะไม่ชัดเจน มักแสดงออกผ่านอาการทางร่างกายที่ไม่สามารถอธิบายได้ เช่น อาการปวด สมาธิลดลง หรือความจำเสื่อม ซึ่งอาจสับสนกับภาวะสมองเสื่อม หากมีอาการซึมเศร้าหรือความสนใจในชีวิตลดลงต่อเนื่องเกินสองสัปดาห์ ควรเข้ารับการประเมินทางการแพทย์อัตราการฆ่าตัวตายในผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปอยู่ในอันดับสูงสุดเมื่อเทียบกับทุกช่วงวัย (ภาพ/มอบโดย Heho Health)
เพื่อป้องกันโรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำหลัก "สามกิจกรรม" ได้แก่ การออกกำลังกาย การกระตุ้นสมอง และการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การผสมผสานทั้งสามอย่างนี้ไม่เพียงช่วยส่งเสริมสุขภาพจิต แต่ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตได้ ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้ครอบครัวใส่ใจสุขภาพจิตของผู้สูงอายุและเข้าแทรกแซงตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อปกป้องสุขภาพร่างกายและจิตใจ
บทความนี้ได้รับอนุญาตจาก Heho Health