นายกรัฐมนตรี ประกาศเคอร์ฟิวทั่วไทย เพื่อหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ออกข้อกำหนดฉบับที่ 2 ออกตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ที่ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด- 19 ซึ่ง โดยเนื้อหาสำคัญของข้อกำหนดคือ การห้ามบุคคลออกนอกเคหะสถาน ระหว่างเวลา 22.00 น ถึง 4.00 น.

ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็นหรือเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ การธนาคาร การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตการเกษตร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ หนังสือพิมพ์ การขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง การขนส่งพัสดุภัณฑ์ การขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าหรือส่งออก การขนย้ายประชาชนไปสู่ที่เอกเทศเพื่อการกักกันตามกฎหมาย การเข้าออกเวรทำงานผลัดกลางคืนตามปกติ หรือการเดินทางมาจากหรือไปยังท่าอากาศยาน โดยมีเอกสารรับรองที่เกี่ยวกับกิจกรรมนั้น และมีมาตรการป้องกันโรคตามข้อกำหนด หรือเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ตามข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งต่างๆ ของทางราชการ หรือมีเหตุจำเป็นอื่นๆ ที่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 

การฝ่าฝืนข้อกำหนดนี้ จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ให้มีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง 

นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่า หากทุกคนได้ร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลให้ออกมาอย่างเคร่งครัด ก็จะสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดลงได้โดยเร็ว นั่นคือตัวเลขผู้ติดเชื้อต้องเป็นศูนย์ โดยขอให้ความมั่นใจว่า ในฐานะนายกรัฐมนตรี จะดำเนินมาตรการทุกอย่างอย่างเหมาะสมและดีที่สุดเพื่อร่วมกันทำให้ประเทศผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้

นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขสถานการณ์ว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ รัฐบาลต้องสนับสนุนให้บุคลากรทางการแพทย์ ที่เปรียบเสมือนทับหน้า ได้มีกำลังใจและความพร้อมในทุกด้าน เพื่อต่อสู้กับปัญหา ในขณะนี้ และขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ ไว้ล่วงหน้า โดยให้การดูแลประชาชนทุกคน รวมถึงผู้ติดเชื้อทุกคนที่จะต้องได้รับการดูแล ตามมาตรฐาน ขณะที่ คนไทยในต่างประเทศ รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศจะให้การดูแลคนไทยทุกคนทั่วโลก ขณะเดียวกันรัฐบาลก็มีมาตรการดูแลเยียวยาประชาชนทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ ทำเรื่องขอเงินช่วยเหลือรายเดือน การดูแลด้านค่าไฟค่าน้ำประปา มาตรการด้านการเงินภาษี ที่จะครอบคลุมทั้งประชาชนและผู้ประกอบการ

นายกรัฐมนตรี ขอให้ประชาชน อย่าตื่นตระหนกและไม่จำเป็นต้องกักตุนสินค้าเพราะยังสามารถเดินทางออกมาซื้อสินค้าได้ตามปกติในช่วงเวลากลางวัน แต่ต้องเตือนไปยังผู้ที่จะคิดฉวยโอกาสเอาเปรียบประชาชนในสถานการณ์นี้ว่า รัฐบาลจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด หากประชาชนพบเห็น การกระทำผิดในกรณีนี้สามารถ โทรศัพท์แจ้งข้อมูลได้ที่สายด่วน 1135

ข้อมูลข่าวจาก กรมประชาสัมพันธ์