สำนักข่าวไทยรายงานว่า นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์กล่าวถึงมลพิษทางอากาศหรือฝุ่น PM2.5 ได้กลับมาอีกครั้งในช่วงปลายเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ประกอบกับในช่วงนี้เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว เด็กได้รับฝุ่นละอองในปริมาณเกินมาตรฐานมาก หรือเป็นเวลานานจะเกิดการสะสมในเนื้อเยื่อปอด ประกอบกับสภาพอากาศแปรปรวนในช่วงนี้ ทำให้การทำงานของปอดเสื่อมประสิทธิภาพลง ทำให้หลอดลมอักเสบ มีอาการหอบหืด เยื่อบุหลอดลมร่วมกับภาวะผิดปกติที่หลอดลมไวต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ ซึ่งมลพิษทางอากาศก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่อาจก่อให้เกิดโรคนี้ได้ ฝุ่นละอองและมลภาวะขนาดเล็กประกอบไปด้วยสารพิษต่างๆ เช่น โลหะหนักจะทำให้เกิดการระคายเคืองในโพรงจมูก และทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้อาการภูมิแพ้กำเริบและหายใจไม่สะดวกและโรคหลอดลมอักเสบได้ การหายใจเอาฝุ่นละอองเข้าไปในปอดจำนวนมากจะทำให้เกิดการอักเสบเฉียบพลันที่หลอดลมใหญ่ จนเกิดอาการไอและมีเสมหะมากขึ้น และเมื่อภูมิต้านทานของหลอดลมใหญ่ลดลงจะทำให้เด็กเล็กเกิดการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ง่าย
นพ.อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวว่า ผู้ปกครองต้องเอาใจใส่ในการดูแลเด็กเล็กที่มีโรคประจำตัว ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกบ้านหรือกลางแจ้งในบริเวณที่มีคุณภาพอากาศไม่ดี ถ้ามีความจำเป็นต้องเข้าในเขตที่มีมลภาวะอากาศสูง ควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตนเอง
สำหรับเด็กเล็กที่มีโรคในระบบทางเดินหายใจ โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ โรคหลอดลมอักเสบ จะมีอาการไวต่ออากาศที่เป็นมลพิษ หรือสภาพอากาศแปรปรวน หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย มีเสมหะ หายใจลำบาก หายใจถี่ หายใจไม่ออก หายใจมีเสียงวี๊ด แน่นหน้าอก ต้องรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
ข้อมูลข่าวจาก สำนักข่าวไทย