ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติทั้ง 22 คน ได้ตีพิมพ์บทความลงบนวารสารวิทยาศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา (Proceedings of the National Academy of Sciences of the United States of America-PNAS) เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาเตือนว่าโลกของเราจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น 5 องศาเซลเซียสภายในปี 2100 และระดับน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้นกว่า 2 เมตร ส่งผลให้ผู้คนบนโลกกว่า 187 ล้านคน ไร้ที่อยู่อาศัย
สำนักข่าว Le Parisien และ France 24 ของฝรั่งเศษรายงานผลการวิจัยดังกล่าวว่า สภาพอากาศแบบสุดขั้วทำให้แผ่นน้ำแข็งละลายในกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกา ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ และจะคุกคามแผ่นดินกว่า 1.79 ล้านตารางกิโลเมตร ส่งผลให้ผู้คนกว่า 187 ล้านคน ไม่มีที่อยู่อาศัย
จากการรายงานของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ในปี 2014 ระบุว่า หากโลกของเรายังคงร้อนขึ้นเรื่อยๆ และยังคงมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงระหว่างปี 1986 ถึง 2005 จะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 1 เมตรก่อนปลายศตวรรศที่ 21 โดยข้อตกลงปารีสนั้น มีเป้าหมายในการรักษาอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงเกิน 2 องศาเซลเซียส และระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นระหว่าง 36 ถึง 126 เซนติเมตร อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่มีข้อตกลงดังกล่าวในปี 2015 อุณหภูมิของโลกได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 1 องศาเซลเซียสแล้ว
สำหรับผลการวิจัยในวารสารวิทยาศาสตร์ PNAS ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติได้มองในแง่ร้ายมากขึ้น หากเปรียบเทียบกับอุณหภูมิก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม อุณหภูมิโลกจะสูงขึ้นถึง 5 องศาเซลเซียส ภายในปี 2100 และระดับน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้นระหว่าง 62 ถึง 238 เซนติเมตร นักวิจัย Jonathan Bamber ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านภูมิศาสตร์กายภาพ มหาวิทยาลัยบริสตอ ได้เตือนว่าการเพิ่มขึ้นของน้ำทะเลเป็นจำนวนมาก จะส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อมนุษย์ชาติ