นายคึกฤทธิ์ อารีปกรณ์ ผู้จัดการสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมการส่งออกเนื้อไก่ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา(ม.ค.-พ.ค.) อยู่ที่ 3.9 แสนตัน เพิ่มขึ้น 15 % เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งการส่งออกไปทุกตลาดขยายตัวดีทั้งหมด โดยเฉพาะจีน ที่นำเข้าเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ไก่มากถึง 25,000 ตัน เพิ่มขึ้น1,462% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนปริมาณส่งออกไปจีนเพียง 1,600 ตัน เพราะไทยได้รับอนุญาตนำเข้าเนื้อไก่จากจีนในเดือนมี.ค.61 และ ในปีนี้จีนมีความต้องการนำเข้าเนื้อสัตว์จำนวนมากเพื่อทดแทนปริมาณเนื้อหมูในประเทศจีนที่ลดลงจากโรคระบาดอหิวาต์แอฟริกันในสุกร ส่งผลให้จีนกลายเป็นตลาดส่งออกเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ไก่จากไทยสูงเป็นอันดับ 3
นับเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการขยายการส่งออกไปจีน ปัจจุบันมีเพียง 7 โรงงานเท่านั้นที่ได้รับการรับรองจากจีน ดังนั้นหากสามารถเชิญจีนเข้ามาตรวจรับรองโรงงานมากขึ้นก็จะสามารถส่งออกเนื้อไก่ไปจีนได้มากขึ้นตามจำนวนโรงงานที่ได้รับการรับรองเพิ่มขึ้น
สำหรับการส่งออกเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ไก่ไปประเทศอื่นก็เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอียูที่นำเพิ่มขึ้น 8% โดยมีปริมาณการส่งออกไปอียูใน 5 เดือนแรกได้ 138,000 แสนตัน เนื่องจากในต้นปีเป็นช่วงรอยต่อประเด็น BREXIT ทำให้ผู้นำเข้าเร่งการนำเข้าเพราะกังวลในเรื่องความไม่แน่นอนว่าจะผลจะออกมาอย่างไร รวมทั้งในช่วงเดือนพ.ค.เป็นช่วงที่ต้องเร่งส่งไปอียู เพื่อให้ทันปิดโควต้าในเดือนมิ.ย. จึงมีการคำสั่งซื้อให้เร่งนำเข้าเนื้อไก่เป็นปริมาณมาก ส่วนปริมาณการส่งออกไปเกาหลีใต้ได้เพิ่มขึ้นปริมาณ 16,000 ตันเพิ่มขึ้น 59% จากปีก่อนที่ 10,000 ตัน รวมถึงมาเลเซีย นำเข้าปริมาณ 9,000 ตันเพิ่มขึ้น 60% อย่างไรก็ตาม ปริมาณการส่งออกไปญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 1% โดยมีปริมาณการส่งออก 171,000 แสนตัน
โดยปริมาณการส่งออกปีนี้คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ไม่ต่ำกว่า 9 แสนตัน ส่วนมูลค่าการส่งออกอาจจะขยายตัวได้น้อย ซึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ที่ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ ทำให้รายได้จากการส่งออกหายไป .
ข้อมูลข่าวจาก เดลินิวส์